ถนนกับอาคาร ที่โล่ง ป้าย

มีคำกล่าวอาคารควรสูง 2 เท่าครึ่งของถนนจึงจะดี ดังนั้น สำหรับที่โล่งหน้าตัวอาคารก็เช่นกัน ควรจะมีที่โล่งที่ถอยจากถนนไม่ต่ำกว่า 2 เท่าครึ่งของถนน ก็จะได้หมิงถังลานรับโชค 
 
ยังคงใช้หลักนี้เช่นกันสำหรับตำแหน่งในการติดป้าย แม้ว่าเราจะมีป้ายติดตรงถนนแล้ว แต่ก็ควรจะมีอีก 1 ป้ายที่ลึกเข้าไปเพื่อเป็นตัวรับโชคอีก 1 ป้าย หากเราต้องการซื้อที่แล้วพบว่า ที่ผืนนี้ปักป้ายติดถนนก็ให้คิดก่อน เพราะจะต่อรองยาก ราคาแพง เช่นเดียวกันกับหมู่บ้าน หากติดป้ายโฆษณาชิดติดถนนแล้วบอกว่า มีลดแลกแจกแถมนั้น อาจไม่จริง หรือไม่ก็พูดด้วยยาก ติดต่อยาก หรือเจ้าของหมู่บ้านกำลังจะเจ๊ง ทั้งหมดนี้บอกได้จากการวางตำแหน่งของบ้ายว่า อยู่ในจุดดักเงิน รับเงิน หรือ ปัดเงินออก
 
กิจการใดที่มีป้ายดักเงิน รับกับลานหมิงถังรับโชค กิจการนั้นจะดี
 
นอกจากนี้ ชื่อ ของสถานที่ก็มีส่วนสำคัญด้วย ยกตัวอย่างเช่น บางที่ชื่อว่า ซ่อมสร้าง ก็พบว่า มีเหตุให้ต้องซ่อมสร้างอยู่บ่อย การค้าที่ตั้งอยู่ในบริเวณนั้นก็เป็นไปอย่างยากลำบาก  แต่หากเรามีกิจการที่เกี่ยวกับการซ่อมสร้างกลับรุ่งเรืองดี
 
อาจารย์ตั้งข้อสังเกตว่า ชื่อของสถานที่นั้น หากมีสิ่งนั้นอยู่ แถบนั้นจะร่มเย็นดี เช่น สถานที่มีชื่อเกี่ยวกับน้ำ แล้วแถบนั้นมีแม่น้ำ หรือสระอยู่ หรืออย่างเช่น เพชรบุรี ที่ตีความหมายถึงธาตุทอง ปรากฏว่าแถบนั้นมีภูเขาเต็มไปหมด เท่ากับมีตามชื่อของเมือง อย่างนี้เป็นต้น
 
บริเวณใดที่มีโค้งธนู กิจการหนักๆ อย่างพวก hardware จะอยู่ได้
 
ทางแยก หรือทางพุ่งตรงไปโดนนั้นอาคาร กิจการที่ยิ่งใหญ่ มีพลังจะอยู่ได้ เสมือนสิ่งร้ายๆ ก็จะกลายเป็นบริวารได้หากไปเจอคนที่เข้มแข็งกว่า ดังนั้น ฮวงจุ้ยก็ใช้หลักนี้เช่นกัน 
 
อะไรที่โดดเด่นกว่าเสมือนพระอาทิตย์ จะแก้สิ่งที่ร้ายๆ ได้  คำว่าโดดเด่น หมายถึงทั้งตัวบุคคล สิ่งของ เช่น หากในสำนักงานเรา ที่นั่งของผู้บริหารไม่โดดเด่นกว่าลูกน้อง นั่นคือ เราไม่ได้เป็นพระอาทิตย์ ย่อมขาดพลัง ขาดอำนาจ
ดัง นั้น การแบ่งแยก จัดแบ่งงานตามลำดับในสำนักงาน ส่งผลต่อการทำงานอย่างเป็นระบบ การเรียงลำดับเหล่านี้สามารถมองเห็นได้ในธรรมชาติที่เห็นอยู่ทุกวัน เพียงแต่เรานำปรับไปประยุกต์ใช้ให้เป็น
 
ร้านอาหารที่อยู่ใต้สะพาน สามารถตั้งอยู่ได้ด้วยเหตุที่ว่า ใช้ไฟเป็นหลักในการทำอาหาร เป็นธาตุที่แรงจึงอยู่ตรงนี้ได้
 

การดูที่ดิน


ฮวงจุ้ยบ้าน, ฮวงจุ้ยคอนโด, ฮวงจุ้ยร้านค้า, ฮวงจุ้ยห้องนอน, อาจารย์แอน


เราดูธาตุของดิน จากสีและลักษณะของดิน ดินลูกรังเป็นธาตุไฟเพราะมีสีแดง ดินสีดำจัดเป็นธาตุน้ำ ดินออกสีขาวมีหินปนจัดเป็นธาตุทอง ดินมีตะไคร่ถือว่า ธาตุน้ำเสีย ธาตุเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีความหมาย เมื่อนำมาผสมกันในแต่ละที่ เราต้องดูว่าแต่ละที่ ธาตุใดเด่นที่สุด อย่างดินที่ดูชื้นตลอดเวลาอย่างนี้ถือว่า ธาตุน้ำแรง 
 
หากดินมีธาตุน้ำ ธาตุไม้ เด่น ที่ดินนี้จะขายยากมาก เจรจายาก เพราะมีความอ่อนไหว ต้องอาศัยการโอนอ่อนผ่อนตาม พูดคุยกันดี ๆ พูดง่ายๆ คือ ต้องเลือกเซลส์ที่ถูกชะตา
 
ที่ดินบางพื้นมีต้นไม้ถูกฟ้าผ่า เมื่อมารวมกับธาตุน้ำ ไม้ที่แรง ทำให้ที่นั้นแม้อุดมสมบูรณ์แต่ก็เหมาะกับการเพาะปลูก มากกว่ามาทำการค้า
 
ที่ดินที่มีต้นกล้วย หรือมีไม้ที่ยืนต้นโอนอ่อน ไม้ที่มีลูกดก ถือเป็นต้นไม้หยินทั้งสิ้น ที่ดินก็เป็นหยินไปด้วย หมายถึงคุยด้วยยาก ต้องอาศัยเทคนิค จังหวะเวลา โอกาสที่เหมาะสม การที่ลงธาตุน้ำ ธาตุไม้ที่แรง ทำให้ที่ดินแบบนี้ขายยากอีกเหมือนกัน แก้ไขได้ด้วยการตั้งป้าย
 
ป้าย จะเป็นตัวที่ทำให้ที่ดินนั้นๆมีครบทุกธาตุ ให้มองเห็นแต่สิ่งดีๆ ปิดสิ่งที่ไม่ดีเอาไว้ แต่ถ้าเกิดอยากประหยัด ตั้งป้ายขนาดเล็กๆ ก็ไม่ได้ผลอย่างที่อธิบาย เราต้องสังเกตป้ายที่เด่นที่สุดของแถบนั้นเป็นอย่างไร ป้ายของเราต้องสอดคล้องกับป้ายในบริเวณนั้นโดยไม่ด้อยกว่า นั่นหมายถึง ป้ายเราก็ต้องโดดเด่นด้วย ควรให้อยู่ในมาตราส่วนของกล่องเงิน คือ 4 x 6
 
การทำป้ายให้โดดเด่น นอกจากสีสัน และขนาดแล้ว ยังมีองค์ประกอบอื่น ๆ อีกที่ทำให้ป้ายดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น โดยปกปิดสิ่งด้อย แล้วเน้นสิ่งดีให้เด่น เข่น ป้ายขายที่ดิน แล้วเรามีภาพแบบบ้านบนป้ายนั้นด้วย อาจจะระบุไปด้วยว่าขายที่ดินเพื่อปลูกสร้างบ้าน ทั้งหมดนี้ก็จะทำให้ป้ายนั้นดูน่าสนใจกว่าป้ายบอกขายที่ดินทั่วๆไปที่มีตัว อักษรเพียงอย่างเดียว เพราะการเห็นภาพจะสร้างแรงจูงใจอีกทางหนึ่ง
 
ที่ดินบางแปลงต้องผ่านสุสานเข้าไป ทำให้ขายได้ยาก เราไม่สามารถย้ายสุสานออกไปได้ เราก็ต้องทำที่ดินแปลงนี้ให้โดดเด่น ด้วยป้าย ด้วยความร่มรื่นร่มเย็นในพื้นที่ ด้วยต้นไม้ ด้วยน้ำ จะมีความหมายว่า ผ่านขวากหนามเข้าไปแล้ว พบกับความสดใส โอ่อ่า ร่มรื่น ร่มเย็น ในทางกลับกัน หากต้องผ่านที่ตายแล้วอย่างสุสานเข้าไปแล้ว ยังเจอกับทางเข้าแคบๆ เล็กๆ คนย่อมไม่อยากซื้อ ที่ดินผืนนั้นก็ต้องใช้ทำสวน ปลูกพืช ไม่เหมาะจะเป็นที่อยู่อาศัย
 
ดังมีคำกล่าวว่าบนภูเขาสำหรับเทวดาอยู่ ที่ราบมนุษย์อยู่ ที่เนินสำหรับผีอยู่ คำว่าผีอยู่หมายถึง เป็นหลุมฝังศพ เป็นโกดัง จึงเป็นหลักที่เราควรต้องระวังที่ดินที่เป็นเนินลาดลงมา อยู่ใกล้สะพาน ควรจะมีสิ่งปลูกสร้างสูงๆ หรือไม่ก็ต้องมีน้ำประกอบด้วย คือ อยู่ใกล้น้ำ แม่น้ำ แบบนี้จะอยู่ได้ด้วยการประกอบอาชีพเกี่ยวกับเป็นท่าทราย ไม่เหมาะเป็นที่อยู่อาศัย หรือแม้แต่บ้านให้เช่า จะไม่มีคนมาเช่า หรือมาเช่าน้อย แต่ทำเป็นโรงงาน โกดังได้ดีมาก

ความสังเกตกับฮวงจุ้ย ตอนที่ ๒

ในทางฮวงจุ้ย เราต้องใช้การสังเกตทั้งในสิ่งที่ตามองเห็น และตามองไม่เห็น ใช้ความรู้สึกที่ไม่ใช่ไสยศาสตร์ เป็นความรู้สึกที่มีเหตุและผลมารองรับเสมอ เช่น หมู่บ้านจัดสรรบางโครงการ ผ่านไป 2-3 ปียังไม่แล้วเสร็จ ก็ต้องหาเหตุผลแล้วว่า เป็นเพราะอะไร เป็นการฝึกฝนเพิ่มปัญญาให้เรา ด้วยการฝึกถามตอบกับตนเองให้อยู่ในเนื้อในนิสัย ไม่ใช่ดูทุกอย่างผ่านๆไป เวลาจะมาดูฮวงจุ้ยค่อยมาสังเกต แบบนี้เราจะไม่ได้อะไรเลย เพราะการเป็นคนช่างสังเกตตลอดเวลาจะสั่งสมข้อมูลให้เรา ทุกคำถามมีคำตอบให้กับทุกสถานที่ที่เราเห็น เราผ่าน ด้วยหลักวิชาที่อาจารย์ถ่ายทอดให้ไว้ เหมือนดังที่ขงจื๊อกล่าวว่า "ทุกคนที่เดินผ่านเราคืออาจารย์ ดังนั้น ทุกพื้นที่ที่เราผ่านมาก็เป็นอาจารย์ของเราเช่นกัน"

แม้แต่สภาพโต๊ะทำงานที่รก ก็ต้องถามว่า เจ้าของโต๊ะประสบปัญหาอะไรบ้าง เป็นการรับรู้ได้ด้วยตนเอง แล้วมาพิเคราะห์ว่า เหตุที่เกิดขึ้นมาเพราะโต๊ะรกหรือเปล่า หรือเพราะว่าเราไปเปลี่ยนแปลงอะไรหรือเปล่า แล้วก็ตามดูสักพักว่าเป็นอย่างที่เราคิดไว้หรือไม่ เป็นการวิเคราะห์เหตุที่มาก่อน

หรือในกรณีที่เราจัดห้องใหม่ เช่น จัดห้องพระ แล้วมีเหตุเกิดขึ้นต่อเนื่องกันมาหลายๆ ครั้ง ผ่านการตามเฝ้าดู สังเกตด้วยตนเองมาเรียบร้อยแล้ว หากเกิดเหตุบางอย่างที่ผิดปกติเกิดขึ้น เราก็ต้องสังเกตว่า มีอะไรเป็นตัวเร่งให้เกิดหรือเปล่า เป็นต้นว่า เปลี่ยนประตูใหม่ เปลี่ยนที่นั่งผู้บริหารใหม่หรือเปล่า

สมมติว่า ในระหว่างการเดินทาง เราสังเกตเห็นรั้วกั้นริมถนนสีแดงหน้าร้านค้า ก็ต้องวิเคราะห์ดูว่า การค้าแถบนั้นตกหรือไม่ หากว่าการค้าไม่ค่อยดีในขณะที่เมื่อก่อนตอนไม่มีรั้วนี้ยังค้าขายดีอยู่ เราก็จะไม่นำรั้วลักษณะนี้ไปตั้งไว้หน้าบ้านหรือหน้าร้านของเราเป็นอันขาด เพราะมีความหมายของคำว่า "ไม่"

เส้นประหรือลูกศรบนถนน ก็มีความหมายในทางฮวงจุ้ย ไม่ใช่ว่ามีไม่ได้ หากแต่มีแล้วบอกอะไร

สิ่งใดก็ตามที่ดึงดูดสายตา ทำให้มีจุดเด่น ถือว่าสิ่งนั้นมีพลัง เราสามารถนำไปปรับประยุกต์ ในกรณีที่บ้านของเราเงียบเกินไป จะด้วยเหตุที่อยู่คนเดียว ห้องมีเยอะแต่ผู้อยู่อาศัยน้อย ด้วยการทำให้ห้องเหล่านั้นเด่นขึ้นมา มีชีวิตชีวาขึ้นมา ด้วยการติดนาฬิกาที่มีเสียงเพลง เพราะเสียงเพลงก่อให้เกิดคลื่น ซึ่งก็คือ ความเคลื่อนไหว ความมีชีวิตนั่นเอง

แม้แต่การทำความสะอาดที่ทำให้เราต้องยกข้าวของขึ้นมา ก็ทำให้เกิดคลื่นของความมีชีวิตเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ อาจารย์จึงมักถามว่า ทำความสะอาดห้องพระหรือยัง ด้วยเหตุที่ว่า ห้องที่มีพลังสูงสุดในแต่ละบ้านก็คือ ห้องพระ ในขณะที่ห้องที่มีพลังอ่อนที่สุด คือ พลังนิ่งที่สุด ก็คือ ห้องนอน นั่นเอง

ถ้าในห้องนอน มีเครื่องออกกำลังกาย โต๊ะทำงาน คอมพิวเตอร์ เครื่องเสียง แทบจะมีทุกอย่างในห้องนั้นด้วย ก็จะส่งผลให้สมองฟุ้งซ่าน นอนไม่หลับ ให้ถามตัวเองว่า อะไรสำคัญที่สุดในห้องนอน เป็นโต๊ะทำงาน หรือโทรทัศน์ หรือ เตียงนอน สิ่งที่เราให้ความสำคัญในห้องนอนนั้น จะบอกพฤติกรรมของตัวเรา

ส่วนห้องน้ำนั้นเป็นจุดจ่ายออก ประตูบ้านเป็นจุดรับทรัพย์ ถ้าจะบอกว่าห้องน้ำไม่มีพลัง ไม่ได้ เพราะเราใช้อยู่ทุกวัน จึงมีความเคลื่อนไหวแน่นอน

ดังนั้น ใครที่ชอบอยู่ในห้องน้ำที่มีขนาดใหญ่นานๆ อย่างมีความสุข ก็จะมีเรื่องให้ต้องจ่าย บางคนอาจจะหมายถึง การเดินทางบ่อยมาก นั่นคือ จ่ายตัวเองออกจากบ้านไป วิธีแก้ก็คือ ตรงประตูหน้าบ้าน ซึ่งถือเป็นประตูรับทรัพย์ ทำให้มีพลังด้วยการทำให้พื้นที่แถบใกล้กับประตูหน้าบ้านนั้นโดดเด่น ด้วยการจัดวางต้นไม้ กระถาง สิ่งของประดับตกแต่ง แล้วให้ไปใช้งานแถบนั้นให้มากที่สุด เท่ากับว่า จุดรับและจุดจ่ายมีพลังเท่ากัน เกิดความสมดุลแล้ว

ห้องน้ำในบางบ้านนอกจากจะมีขนาดใหญ่โตแล้วยังยกเป็นแท่นสูงขึ้นไป และถ้าห้องน้ำยังสูงกว่าเตียง นั่นหมายถึง ดอกเบี้ย

ในเรื่องจุดเด่น การไปดูบ้านหรือที่ดินนั้น เราต้องสังเกตว่า ก่อนเดินทางไปถึง มีจุดเด่นอะไร หรือถึงที่ดินแล้วมีอะไรเด่นกว่า เช่น ที่ดินบางแปลง ก่อนจะถึง มีตึกใหญ่มากจนต้องหันไปมอง ลืมมองที่ดิน ที่ดินผืนนี้จะขายยาก

หรือที่ดินบางแปลงต้องผ่านสุสานเข้าไป ทำให้ขายได้ยาก เราไม่สามารถย้ายสุสานออกไปได้ เราก็ต้องทำที่ดินแปลงนี้ให้โดดเด่น ด้วยป้าย ด้วยความร่มรื่นร่มเย็นในพื้นที่ ด้วยต้นไม้ ด้วยน้ำ จะมีความหมายว่า ผ่านขวากหนามเข้าไปแล้ว พบกับความสดใส โอ่อ่า ร่มรื่น ร่มเย็น ในทางกลับกัน หากต้องผ่านที่ตายแล้วอย่างสุสานเข้าไปแล้ว ยังเจอกับทางเข้าแคบๆ เล็กๆ คนย่อมไม่อยากซื้อ ที่ดินผืนนั้นก็ต้องใช้ทำสวน ปลูกพืช ไม่เหมาะจะเป็นที่อยู่อาศัย

นอกจากนี้ เราต้องทำความเข้าใจว่า "อะไรที่มีมากเกินจนก่อให้เกิดความรกตานั้น ถือว่า มากเกินไป ไม่มีจุดเด่น" ลองนึกถึงระบบสุริยะ ที่แบ่งแยกเรียงลำดับความสำคัญ ด้วยขนาด ด้วยพลัง

ดังนั้น เวลาจะดูอะไรให้เราดูแบบนั้นเหมือนกัน คือดูว่า ที่นั้น มีอะไรเป็นจุดดึงดูด และจุดนั้นมีพลังหรือเปล่า เมื่อมาดูที่บ้านเรา หากเปรียบกับระบบสุริยะจักรวาล ก็ต้องดูว่าในบ้านใครเป็นดวงอาทิตย์ เป็นจุดดึงดูดมีพลัง แล้วมีดวงดาวที่รองลงมา

ที่บ้าน สามีเป็นดวงอาทิตย์ ซึ่งต้องให้ความสำคัญกับที่นั่ง ที่นอน ความสำคัญถัดมาก็สถานที่ทำงาน  ส่วนภรรยาเป็นดวงจันทร์ในบ้าน  เราต้องรู้จักเรียงลำดับความสำคัญ

ห้องพระกับบ้านต้องสมดุลกัน ไม่ใช่บ้านใหญ่โตแต่มีห้องพระเล็กนิดเดียว

ร้านค้าที่ตั้งอยู่ในแนวอาคารเดียวกัน หากร้านค้าใดโดดเด่นขึ้นมา ถือว่า ร้านค้านั้นเป็นหัวมังกรทันที หากร้านค้าใดด้อยสุดจะกลายเป็นหางมังกร ที่มักสะบัดไปมา มีความหมายว่า ร้านค้านั้นจะไม่แน่ไม่นอน

ธรรมชาติหรือโชคลาภจะวิ่งเข้าหาสิ่งที่โดดเด่นเสมอ ด้วยเหตุนี้ อาจารย์จึงให้ความสำคัญกับประตูทางเข้า คำว่าประตูนั้น หมายถึงทั้งประตูโครงการ ประตูรั้ว ประตูบ้าน ประตูเข้าห้อง ประตูจึงมีความสำคัญในแง่ของการตอบรับ ลาภ อาชีพ หากเรามักถูกปฏิเสธบ่อยๆ ต้องมีประตูบานใดบานหนึ่งในบ้านที่เปิดยาก เราต้องแปลเชิงสัญลักษณ์เหล่านี้ให้เป็น

อย่างไรก็ตาม ที่ควรระวัง คือคำว่า เด่นเกินจนไม่กล้าเข้า แบบนี้เรียกว่า "มังกรหัวขาด" ดังนั้น หากต้องการทำจุดไหนให้เด่น ก็ต้องใช้ปัญญาประกอบเพื่อไม่ให้โดดเด่นเกินไป ด้วยการปรับให้โดดเด่น สง่า อย่างเป็นธรรมชาติ

ความสังเกตกับฮวงจุ้ย ตอนที่ ๑


ซินแสฮวงจุ้ย, ดวงจีน, โหราศาสตร์จีน, ฮวงจุ้ยเสริมโชค, อาจารย์แอน


การจะเรียนวิชาฮวงจุ้ย ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยาก ถ้าใจของผู้เรียนพร้อม ต้องทำจิตว่าง ไม่มีตัว ช่างสังเกต ดูธรรมชาติอย่างละเอียด เพราะหากมีอะไรที่ผิดธรรมชาติ ก็คือ ผิดธรรมชาติ ส่วนการทำจิตว่างจะทำให้เป็นกลาง ไม่มีตัว ไม่การเปรียบเทียบกับเรา บ้านของเรา หรือคนใกล้ชิดของเรา หากเรามีจิตที่วางเฉย นิ่งๆ ช่างสังเกต บวกกับดูธรรมชาติ การดูฮวงจุ้ยไม่ใช่เรื่องยาก
 
แล้วก็หัดสังเกตทุกอย่าง ต้องละเอียดขนาดที่ไม่ละเลยแม้สิ่งเล็กน้อย สำหรับอาจารย์ แม้แต่ต้นไม้ข้างทางก็ให้ความสนใจ เราต้องสังเกตธรรมชาติให้เข้าใจว่าเป็นเพราะอะไร หรือแม้แต่สิ่งมีชีวิตในพื้นที่นั้น ไม่ว่าจะเป็นมด แมลงที่บินผ่านหน้าเรา มีเสียงนกร้องหรือเปล่า นกบินผ่านหรือเปล่า ที่นั้นมีชีวิตหรือไม่ ธรรมชาติของพื้นที่นั้นๆ เป็นอย่าไร เนื่องจากบางบ้านหรือบางพื้นที่เมื่อเข้าไปแล้วเงียบเหลือเกิน เป็นความเงียบแบบไม่มีชีวิต ซึ่งต่างจากความเงียบแบบมีชีวิต เช่นเดียวกับความรก จะมี 2 แบบคือ รกเรื้อแบบมีชีวิต คือ รกด้วยของที่ใช้ หรือรกด้วยของที่ตายแล้ว เป็นการรกแบบไม่มีชีวิตคือ ไม่ค่อยจะได้ใช้ เป็นความละเอียดในการแยกแยะ สังเกตนั่นเอง
 
เวลาเข้าทำเลจะต้องไม่โกหกตนเอง จงมองด้วยตาตนเอง คิดเองให้เข้าใจในเหตุผลของธรรมชาติ แล้วจะรู้ได้ด้วยตนเอง
 
ในการเรียนฮวงจุ้ย ต้องรู้จักสังเกตและเข้าใจในธรรมชาติ เมื่อเห็นต้นไม้ตาย ก็ถามตัวเองว่า ต้นไม้ขาดน้ำหรือเปล่า ฝนตกถึงหรือเปล่า ถ้าฝนตกไม่ถึง มีอะไรบังอยู่หรือ ไล่ถามตอบกับตนเองไปเรื่อยๆ แล้วเราก็จะได้คำตอบ อย่าขี้เกียจกับความคิดของตน
 
แม้แต่หากมีต้นไม้ใบร่วงอยู่หน้าบ้าน ก็ต้องถามตนเองว่า ทำไมถึงมาร่วงตรงหน้าบ้าน ตรงประตูที่ถือว่าเป็นตำแหน่ง "อาชีพ" พอดี ดูลักษณะสีสันของใบไม้ เช่นใบไม้เป็นสีของธาตุไฟ ในขณะที่ธาตุประจำตำแหน่งประตูอาชีพ ก็คือ ธาตุน้ำ บ้านนี้ก็จะมีเรื่องร้อน เพราะธาตุน้ำ ธาตุไฟ ปะทะกัน วิธีแก้ไขก็คือ อย่าปลูกต้นไม้สีธาตุไฟตรงประตูอาชีพ และเมื่อมีใบร่วงบริเวณนั้น จะทำให้มีเรื่องร้อน หากจะปลูกสีแดงตรงนั้นจริงๆ ก็เลือกแบบที่ใบไม่ร่วง
 
เวลาดูฮวงจุ้ยให้ดูโครงสร้างของฮวงจุ้ย ดูที่พื้นที่ อย่าเพิ่งไปดูเรื่องคน จะได้ไม่ต้องมีจิตที่วุ่นวาย แค่ประตูอาชีพก็บอกเราได้ พื้นที่แต่ละแห่งมีประวัติที่จะบอกเราได้ ด้วยการอ่านจากสายตาของตัวเราเอง นั่นหมายถึงว่าเราต้องรู้จักสังเกต
 
เรื่องชื่อก็มีความสำคัญ เพราะคนโบราณมักตั้งจากสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในสถานที่นั้น เข่น บางจะเกร็ง บางหมาหอน จึงควรให้ความสนใจในชื่อ ที่มาของชื่อ คำแปล มาประกอบในการอ่านพื้นที่แต่ละแห่งด้วย เสมือนเป็นลางบอกเหตุสำหรับพื้นที่นั้น ดังนั้น หากว่าเราตั้งชื่อโครงการมีคำว่า น้ำ อยู่ โครงการนั้นก็ต้องมีน้ำ
 
ใครก็ตามที่กำลังจะซื้อบ้านหรือคอนโดฯ อย่าลืมสังเกตด้วยว่า โครงการมีชื่อว่าอะไร มีความหมายอย่างไร ตั้งแบบนี้ด้วยเหตุผลใด เขาต้องการให้เรารู้สึกอะไร และสิ่งเหล่านั้นมีอยู่หรือไม่ในโครงการนั้น
 
สมมติว่าชื่อโครงการมีคำว่า น้ำ แต่กลับไม่มีน้ำเลย โครงการนั้นจะซื้อยาก ขายยาก คนมาอยู่ อยู่ยาก หากแม้แต่เจ้าของโครงการก็ไม่ทราบว่าชื่อนี้ใช้เพราะเหตุใด อาจจะเป็นเพราะลูกน้องอยากจะตั้ง แบบนี้ก็เท่ากับว่าหมู่บ้านขายตัวเอง ซึ่งกว่าจะขายหมดเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ

ความสำคัญของน้ำ


ดูฮวงจุ้ย, เสริมฮวงจุ้ย, ฮวงจุ้ยสุสาน, ฮวงจุ้ยพยากรณ์, ฮวงจุ้ยที่ดิน, อาจารย์แอน


ใคร ก็ตามที่มีแหล่งน้ำอยู่ในบ้าน โปรดรักษาน้ำที่มีอยู่ให้สะอาดตลอดกาล เพราะหมายถึง มนุษย์สัมพันธ์ กระแสการเงินที่สะพัดหมุนเวียน ถ้าน้ำนั้นเสีย หมายถึง รายจ่ายและเงินที่ผิดกฎหมาย รวมทั้งอาชญากรรมที่จะเกิดขึ้นทุกชนิดจากน้อยไปหามาก ได้แก่ ของหาย รายจ่ายมาก จนกระทั่งขโมยขึ้นบ้าน
 
น้ำเสียในที่นี้ จะรวมถึงน้ำรั่ว ท่ออุดตัน น้ำไม่ไหล น้ำซึม
 
โดย เหตุที่ธาตุน้ำ มีความหมายถึงอาชีพ หน้าที่การงาน น้ำจึงเป็นธาตุที่สำคัญและเกี่ยวพันกับการดำเนินชีวิตมนุษย์มากที่สุด ดังนั้นอาจารย์จึงมักจัดทำเลให้ทุกบ้านมีธาตุน้ำ และต้องเป็นน้ำที่มีชีวิต เป็นน้ำพุบ้าง น้ำตกบ้าง ตู้ปลาบ้าง สวนน้ำเล็กๆบ้าง และกำชับให้รักษาน้ำที่มีอยู่ในบ้านให้สะอาดอยู่เสมอ
 
ตำแหน่งน้ำที่เสริมในยุคปัจจุบัน คือ น้ำทางทิศตะวันตก ทิศตะวันตกเฉียงใต้ และทิศตะวันออก
 
น้ำ ที่สลายพลังงานความดีและพลังทรัพย์ คือ น้ำทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ทิศใต้และทิศเหนือ มีข้อยกเว้นว่า น้ำทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือนั้น ต้องมีดอกบัวด้วย จึงจะให้คุณ
 
ตำแหน่ง ตู้ปลาที่ดีที่สุด คือตรงประตู หรือใกล้ประตู ซึ่งมีความหมายว่า “ประตูมังกร” หมายถึง การฟันฝ่าอุปสรรคและประสบความสำเร็จในที่สุด
 
ตู้ปลาหรือตำแหน่งน้ำทางด้านทิศตะวันออก ส่งเสริมด้านอาชีพและการเงิน
 
ตู้ปลาหรือตำแหน่งน้ำทางด้านทิศตะวันตก ส่งเสริมการเงินและบริวาร บุตรหลานอุดมสมบูรณ์
 
ตู้ ปลาหรือตำแหน่งน้ำทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ ส่งเสริมด้านสุขภาพและความมั่นคงทางการเงิน ตลอดจนส่งเสริมให้มีความสัมพันธ์กับลูกค้าในทางที่ดี
 
สำหรับปลาที่เลี้ยงไว้ คือปลาเงิน ปลาทอง ต้องไม่ใช่ปลากัด ปลารักเร่ หรือปลาสอดที่กับกินกันเอง เพราะจะมีผลถึงเจ้าของด้วยค่ะ
 
...........อ.แอน
 

ดอกไม้ ตอนที่ ๔


อาจารย์หม่า, ซินแสภาณุวัฒน์, หมอช้าง, หมอลักษณ์, อาจารย์มาศ, อาจารย์แอน


การ คัดเลือกพันธุ์ไม้ ควรเป็นพันธุ์ไม้ที่ปรับเข้ากับธรรมชาติได้ดีและเป็นพันธุ์ไม้ท้องถิ่น ถ้าเลือกพันธ์ุไม้ต่างถิ่น จะดูแตกต่างไม่กลมกลืนกับภูมิอากาศและสภาพแวดล้อม มีผลทำให้เราเป็นคนแปลกตลอด ไปไหนก็เป็นคนแปลก ความคิดเห็นตะแบง และพันธ์ุไม้ต่างถิ่นตายง่าย เหมาะกับคนที่ทำงานเป็นโปรเจคๆ ไป ถ้าพันธ์ุไม้ตายแล้วเราทิ้งเลยไม่เปลี่ยนใหม่ หมายถึงหมดโปรเจคนี้ ก็ไม่มีโปรเจคใหม่มาอีก

ถ้า เลือกไม้ใหญ่เกินไปมาปลูกจนข่มสวน ข่มภูมิประเทศ ข่มพื้นที่ไปหมดเลย ไม่ดี เหมือนไปอยู่ที่ไหน มีฟ้าผ่า มีคดีความ มีเรื่องกระทันหัน มีเรื่องที่ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าตลอด
 
การเลือกไม้ยืนต้น ควรเลือกไม้ที่เขียวตลอดปี ไม่ควรเลือกไม้ผลัดใบเพราะเป็นสัญญลักษณ์ของความไม่ยั่งยืนของชีวิต
 
ถ้าเลือกต้นไม้ที่ดูแห้งๆ แข็งเกินไป ก็เหมือนธาตุทองแข็งเกินไป จะเกิดการแตกแยกตลอด
 
ถ้าเลือกพรรณไม้ที่เลื้อยไปเลื้อยมา เป็นภาระต้องตัดตบแต่งตลอด เรามักจะวิ่งเข้าไปหาเรื่องแล้วแบกภาระ
 
การจัดวางต้นไม้ที่ดี ถ้ามีไม้เลื้อยก็ต้องมีไม้ยืนต้น มีไม้แข็งก็ต้องมีไม้อ่อน มีไม้ผลัดใบก็ต้องมีไม้เขียว เพื่อให้เกิดความสมดุล



ดอกไม้ ตอนที่ ๓

ฮวงจุ้ยเสริมดวง, แต่งบ้านเสริมฮวงจุ้ย, ฮวงจุ้ยเข้าใจง่าย, ดวงจีน, ฤกษ์ยาม

ไม้เลื้อย อย่าปลูกเยอะจนเกินไป จนมีคำว่ารก เพราะจะหมายถึงคดีความ มีอะไรปกปิดซ่อนเร้น และบอกไปถึงนิสัยเจ้าของ
ไม้เลื้อยที่ไม่ต้องดูแล อย่าปลูกเยอะ เพราะหมายถึง เจ้าของบ้านเป็นคนเฉื่อย แต่ถ้าเป็นไม้เลื้อยที่ต้องตัดตกแต่ง เช่น ไม้เลื้อยตามซุ้มประตู ไม่เป็นไร
ต้นไม้ที่มีผลในเรื่องความเชื่อ เช่น
- ถ้าปลูกต้นสาบเสือเป็นสมุนไพรและปลูกเป็นจำนวนมาก จะทำให้คนในบ้านอารมณ์ร้อน ได้รับกระแสมา เพราะชื่อต้นไม้ คนโบราณตั้งชื่อตามคุณลักษณของมันอยู่แล้ว
- ต้นมะละกอ คนโบราณห้ามปลูกหน้าบ้าน เพราะมาจากภาษามอญ แปลว่า ตาย
- ชวนชม ปลูกบ้านที่มีลูกสาวไม่ดี ลูกสาวบ้านนั้นจะชอบเพลงยาว คบผู้ชาย
- ซ่อนกลิ่น เป็นดอกไม้หน้าศพ
- ชบาแดง ต้นรัตนโกสินทร์ นักโทษประหารตอนพาไปลานประหาร จะให้ทัดดอกชบาแดง จึงเป็นคติที่ว่า จะไม่ปลูกชบาแดงแต่จะปลูกสีอื่น เช่น ขาว เหลือง ส้ม ชมพู

ฮวงจุ้ยโชคลาภ, บ้านกับฮวงจุ้ย, จัดบ้านเสริมฮวงจุ้ย, ฮวงจุ้ยเตียงนอน

 เฟื้องฟ้า เป็นต้นไม้พิษไร้สภาพ เป็นไม้มีหนาม แห้ง เติบโตในพื้นที่ที่ไม่สมบูรณ์ตามเกาะกลางถนน ที่ร้อน หมู่บ้านร้าง  ไม่ควรปลูกติดตัวบ้านหรือติดหน้าต่างห้องนอนเด็ก จะทำให้เด็กสายตาเสีย แต่สามารถปลูกได้ในพื้นที่กว้างๆ มองไกลๆ แล้วดูสดชื่น
 
สาวน้อยประแป้ง เหมาะกับสถานที่ที่มีผู้หญิงทำงานเยอะ หรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องสำอางค์ของใช้สตรี

เล็บครุฑ เหมาะกับฝ่ายบุคคล

แต่ที่ดีที่สุดที่สามารถปลูกได้ในสำนักงานทุกที่ คือ ว่านเขียวหมื่นปี กับ หนวดปลาหมึกแคระ

ฮวงจุ้ยโต๊ะทำงาน, ฮวงจุ้ยบ้าน, ฮวงจุ้ยคอนโด, ตกแต่งร้านค้า, อาจารย์แอน


ดอกไม้ ตอนที่ ๒

การปลูกดอกไม้ ถ้าปลูกชนิดใดชนิดหนึ่งเป็นจำนวนมาก จะมีอิทธิพลในทางโหราศาสตร์ เช่น ถ้าเราเข้าซอยมา มีดอกไม้สีเหลืองเต็มไปหมด แสดงว่าทั้งซอยอยู่ภายใต้อิทธิพลของดาวพฤหัส ถ้าทั้งซอยมีดอกไม้สีชมพู คือสีของดาวอังคาร คนในซอยนั้นก็จะได้รับอิทธิพลของดาวอังคารด้วย
 

ซินแสฮวงจุ้ย, ดวงจีน, โหราศาสตร์จีน, ฮวงจุ้ยเสริมโชค, อาจารย์แอน

มันก็สอดคล้องกับในทางฮวงจุ้ยที่ว่า ถ้าดอกไม้อะไรที่มีมากกว่า ดอกไม้นั้นก็จะมีผล เช่น บางหมู่บ้านปลูกลีลาวดีเต็มไปหมด หมู่บ้านนั้นก็จะเป็นหมู่บ้านที่เหมาะแก่การพักผ่อน ไม่เหมาะจะทำการค้าในหมู่บ้าน
ถ้าเราเข้าไปในบ้านใดบ้านหนึ่ง ถ้าปลูกแต่พิทูเนียอย่างเดียว จำนวนมาก แสดงว่าเจ้าของบ้านเป็นคนขยัน มีชีวิตชีวา aleart hyper เพราะพิทูเนีย ต้องเปลี่ยนทุกๆ ๓ เดือน เท่ากับว่าเจ้าของบ้านมีงานทำตลอดเวลา เมื่อมีกฎเกณฑ์อย่างนี้ คนที่ตกงานก็ควรปลูกไม้ดอกที่ ๓ เดือนเปลี่ยนครั้งหนึ่ง จะทำให้บ้านดูสดชื่น และเจ้าตัวจะเปลี่ยนนิสัย ตื่นเช้ามากขึ้น ขยันหางานมากขึ้น มีบุคคลิกที่ดูขยัน ก็จะทำให้หางานได้ง่ายขึ้น
 

ฮวงจุ้ยบ้าน, ฮวงจุ้ยคอนโด, ฮวงจุ้ยร้านค้า, ฮวงจุ้ยห้องนอน, อาจารย์แอน

การวางแจกันดอกไม้บนโต๊ะทำงาน ทำให้เราสดชื่น ตื่นตัว ขยันในการทำงาน แต่กระบองเพชร ไม่ควรนำมาไว้บนโต๊ะทำงาน เพราะเป็นต้นไม้ที่ไม่ต้องดูแลมาก มีผลให้เราเฉื่อยลง กระบองเพชร เป็นไม้ที่สะสมน้ำ เป็นไม้ที่อยู่ในทะเลทราย และดอกไม้นั้นอาจจะเป็นพิษได้ ถ้าเอากระบองเพชรหลายๆต้นมาปลูกบนโต๊ะทำงาน จะทำให้เราเฉื่อย ทำอะไรก็มีอุปสรรค เจ้านายจับผิด ถ้าปลูกต้นเดียว ไม่มีผล
ถ้าจัดสวนหินและกระบองเพชรในบ้าน ถ้าเด่นมาก จะหมายถึง ความยากลำบากในการประกอบอาชีพ
เราสามารถอ่านความหมายจากต้นไม้ที่เราปลูกได้ เช่น การปลูกกระบองเพชร มันโตในทะเลทราย มีความยากลำบากในการอยู่รอด ความยากลำบากในการประกอบธุรกิจ ต้นลั่นทม มีหลายพันธ์ เช่น บางพันธ์ที่ต้นเตี้ย ออกดอกทั้งปี หรือลั่นทมที่อยู่บนภูเขา ซึ่งก็ขึ้นในที่ๆมีหินเยอะ ก็จะมีความหมายคล้ายต้นกระบองเพชร แต่ถ้าพันธ์ที่เป็นพุ่ม ออกดอกทั้งปี จะมีความหมายว่าพักผ่อน

ตกแต่งบ้าน, ตกแต่งคอนโด, จัดสวน, ฮวงจุ้ยคอนโด, ฮวงจุ้ยครัว, อาจารย์แอน

ต้นจันผา ถ้าเด่นมากหรือมีหลายต้น มีความหมายถึง ดาวจันทร์ที่อยู่บนหน้าผา จะอยู่บนความเสี่ยงตลอดเวลา ธุรกิจไม่มั่นคง แต่ถ้าไม่เด่น ปลูกกลืนไปกับต้นไม้อื่น จะไม่มีผลอะไร
การปลูกต้นไม้ ต้องใช้หลักของความพอดีและสมดุล ไม่ควรปลูกชนิดใดชนิดหนึ่งมากเกินไปหรือเด่นเกินไป
บางบ้าน เจ้าของบ้านขาดธาตุไฟก็เลยไปหาไม้ทรงแหลมมาปลูกเต็มบ้าน ก็มีผลทิ่มแทงคนในบ้าน คนในบ้านอยู่บ้านไม่ได้ เหมือนมีไฟลนก้น เสาเรือนไฟไหม้  ในกรณีนี้ ให้ปลูกไม้ธาตุไฟใกล้ๆเรา และที่ห่างออกไปก็ปลูกไม้อื่นๆคละกันไปมันคือความสมดุล
ต้นไม้ที่ไม่มีพิษมีภัยและสามารถปลูกได้ทุกที่และให้ผลดี คือ สนมังกร
ต้นหูกระจง เวลาใบร่วงจะเด่นเกินไป ไม่ดี 
ต้นไม้ที่ต้องคอยค้ำยันหรือรากชอนบ้านไม่ใช่เรื่องดี

ดอกไม้ ตอนที่ ๑

ดอกไม้ที่ชาวจีนยกย่องมี ๓ อย่าง คือ กุหลาบ กล้วยไม้ และดอกโบตั๋น แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ ร่าเริงแจ่มใส


ตกแต่งบ้าน, ตกแต่งคอนโด, จัดสวน, ฮวงจุ้ยคอนโด, ฮวงจุ้ยครัว, อาจารย์แอน

ดอกโบตั๋นจะแสดงถึงความรุ่งเรืองและเป็นหนึ่งในสัญญลักษณ์ประจำชาติจีน เป็นที่นิยมปลูกอย่างแพร่หลายที่สุดในสมัยราชวงศ์ถัง เชื่อว่าใครปลูกดอกโบตั๋นเสมือนเป็นสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรือง


ฮวงจุ้ย, ฮวงจุ้ยบ้าน, รับดูฮวงจุ้ย, แก้ฮวงจุ้ย, ฮวงจุ้ยธุรกิจ, อาจารย์แอน

ภาพของดอกเหมยเป็นดอกไม้ที่บานในฤดูหนาว ในความหมายลึกๆ คือ ดอกเหมยเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรค ทั้งนี้ดอกเหมยสามารถบานได้แม้กระทั่งในที่แห้งแล้งและหนาวจัด

มีเพียงไผ่ สน เหมย เท่านั้น ที่สามารถอยู่ในที่ที่หนาวจัดได้

การติดรูปดอกไม้ เราควรต้องรู้ธรรมชาติของความเจริญเติบโตด้วย

ดอกกล้วยไม้ เป็นดอกที่บานทน อยู่ในที่ชื้นที่เย็น เป็นดอกไม้ที่จัดอยู่ในประเภทหยิน และเป็นดอกไม้ที่หมายถึงผู้หญิงที่อยู่กับบ้าน สวยงาม เก่งทำการบ้านการเรือน ถ้าปลูกน้อยต้นและมีรากงอกห้อยลงมาคือผู้หญิงที่ไม่ได้แต่งงานและถูกเก็บอยู่ในบ้าน หมายถึงสวยอย่างแห้งแล้ง


ฮวงจุ้ยเสริมดวง, แต่งบ้านเสริมฮวงจุ้ย, ฮวงจุ้ยเข้าใจง่าย, ดวงจีน, ฤกษ์ยาม

กล้วยไม้มีหลายประเภท ถ้าเราปลูกกล้วยไม้หลากหลายชนิด ก็จะไม่มีความหมายอะไร จะมีความหมายถึงความงดงามของดอกกล้วยไม้ เก่งการบ้านการเรือนเป็นกุลสตรี กล้วยไม้จะงดงาม ออกดอกปีละครั้ง และต้องอาศัยการดูแลเอาใจใส่ แต่เมื่อกล้วยไม้บานแล้ว บานทน คุ้มค่ากับการรอคอย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กล้วยไม้ป่าประเภทช้างกระ ช้างแดง เมื่อบานแล้วมีกลิ่นหอม หมายถึงชื่อเสียง แต่ถ้าเป็นพวกหวาย ดอกจะเยอะมากโดยมากจะเก็บไว้บูชาพระ จึงมีความหมายของความสงบ บานรับในสิ่งที่ดีงาม

ดอกกล้วยไม้เป็นดอกไม้ประเภทเดียวที่ไม่ควรใช้ดอกไม้ปลอม เพราะจะหมายถึงสวยอย่างแห้งแล้ง ส่วนดอกไม้อื่นสามารถใช้ดอกไม้ปลอมได้หมดแทนธาตุไม้ได้

ดอกราชพฤกษ์ ถ้าไปเปรียบทางโหราศาสตร์ มีความหมายไปถึง ภูมิปาโล หรือ เทวีฤกษ์ เป็นดอกไม้ชั้นสูง ต้นไม้มีแกน ปลูกให้ห่างจากบ้าน เป็นต้นไม้ที่แข็งแรง โตได้ทุกฤดูกาล บ้านนั้นจะมีคนที่มีสุขภาพแข็งแรง สามารถสร้างหลักฐานได้

ต้นหางนกยูง เป็นต้นไม้ธาตุไฟ ควรปลูกไว้ในตำแหน่งหลังบ้าน ข้างบ้าน ถ้าปลูกหน้าบ้าน ต้องเว้นระยะห่าง ปลูกประชิดไม่ได้ จะเหมือนมีเรื่องร้อนเข้าบ้านตลอดเวลา ระยะห่างจะหมายถึงชื่อเสียง ทำให้บ้านมีชีวิตชีวา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บ้านที่หันไปทางทิศใต้

เบิร์ด หางนกยูง หงอนไก่ เป็นประเภทเดียวกัน คือพวกไก่ ควรปลูกด้านข้าง หลังบ้าน หรือทิศตะวันตก ถ้าไปปลูกด้านตะวันออก บ้านนั้นจะทะเลาะกัน

ดอกพิทูเนีย เป็นดอกไม้ที่สวยสด 3 เดือนก็จะโรยรา อย่าปล่อยให้เหี่ยวแห้งหรือตาย จะทำให้ฮวงจุ้ยเสียทันที

แพงพวย ให้ความกระจุ่มกระจิ่ม เก็บเล็กผสมน้อย ปลูกเป็นกอเป็นกลุ่ม มีความหมายเก็บเล็กผสมน้อย และได้อะไรมาก็เก็บงำอย่างดี

เคล็ดการจัดห้องนั่งเล่น / โต๊ะหนังสือ


ซินแสฮวงจุ้ย, ดวงจีน, โหราศาสตร์จีน, ฮวงจุ้ยเสริมโชค, อาจารย์แอน


ห้องนั่งเล่น ควรมีรูปทรงปกติ เช่น สี่เหลี่ยมผืนผ้า มุมที่ผิดปกติควรอำพรางโดยต้น ไม้หรือเฟอร์นิเจอร์

ไม่ควรมีคานโผล่ที่เพดาน

อย่าให้ใครนั่งใต้คานโดยตรง

พื้นห้องนั่งเล่นควรราบเรียบหรือปูพรมทับ ทั้งไม่ควรต่ำกว่าส่วนอื่นๆของบ้าน ถ้าห้องนั่งเล่นมีลักษณะจมลง ให้ดึงชี่ที่จม ขึ้นบนด้วยแขวนกระถางต้นไม้และการให้แสงสว่างที่เพดาน

ห้องนั่งเล่นต้องมีแสงสว่างและอากาศธรรมชาติอย่างเพียงพอ แต่ต้องไม่มีประตูหน้าต่างมากเกินไป

การตั้งวางเฟอร์นิเจอร์ ไม่ควรขัดขวางการสัญจรจากประตู การมีเฟอร์นิเจอร์มากเกินไป จะทำให้ห้องระเกะระกะด้วยข้าวของ มันยังขัดขวางการไหลเวียนของชี่อีกด้วย

ถ้ามีเสากลางห้อง ควรติดนาฬิกาหรือแขวนรูปภาพ เพื่อลดความเด่นของเสา

สีของห้องนั่งเล่นควรมีความกลมกลืนกัน

ถ้าทิวทัศน์ที่ไม่สบายตา ปรากฏที่หน้าต่างห้องนั่งเล่น เราสามารถปลูกต้นไม้ที่กะบะสำหรับวางกระถางต้นไม้นอกหน้าต่าง วิธีนี้จะทำให้ชี่ของห้องมีชีวิตชีวาขึ้นมา

ถ้ามีภาพทิวทัศน์อันงดงามนอกหน้าต่าง เราสามารถ นำมันเข้ามาอยู่ในห้องได้โดยติดกระจกเงาไว้ในตำแหน่งที่เหมาะสม

 
โต๊ะหนังสือ

เก้าอี้ของโต๊ะหนังสือไม่ควรอยู่ใต้คาน ชี่ที่กดดันจะทำให้ความคิดสับสน

ไม่ควรมีประตูอยู่หลังโต๊ะหนังสือ มันจะรบกวนสมาธิ

เก้าอี้ของโต๊ะหนังสือ ไม่ควรถูกลมเป่าจากเครื่องปรับอากาศหรือพัดลมไฟฟ้า  มันไม่เพียงทำให้สมาธิวอกแวกเท่านั้น ยังทำให้สุขภาพไม่ดีอีกด้วย

มีข้อสังเกตว่า กฎเหล่านี้สามารถใช้ประยุกต์กับโต๊ะทำงานได้ด้วย

การจัดห้องครัว ห้องอาหาร


ตกแต่งบ้าน, ตกแต่งคอนโด, จัดสวน, ฮวงจุ้ยคอนโด, ฮวงจุ้ยครัว, อาจารย์แอน

การตั้งเตา

อย่าตั้งเตาตรงกับอ่างซิงก์ เครื่องซักผ้า หรือตู้เย็น การตั้งเตาเช่นนี้จะก่อให้เกิดคลื่นความถี่ที่ขัดแย้งกัน ถ้าพลังงานในครัวกลมกลืน และผู้ปรุงอาหารมีอารมณ์สงบราบเรียบ และมีความสุขในการปรุงอาหาร ทั่วทั้งบ้านจะได้ประโยชน์จากพลังงานในทางบวกที่เกิดจากอาหาร

อย่าตั้งเตาให้ตรงกับประตูที่เปิดสู่นอกบ้าน การตั้งเตาเช่นนี้จะทำให้สูญเสียโชคลาภและสุขภาพไม่ดี ตามธรรมเนียมเดิมนั้น ไม่ควรมองเห็นเตาได้จากประตูหน้า ทั้งไม่ควรมองเห็นเตาจากนอกประตูครัว

อย่าตั้งเตาตรงกับประตูห้องน้ำห้องส้วม ทุกครั้งที่เปิดประตูห้องน้ำห้องส้วม ความชื้นและกลิ่นเหม็นของชี่น้ำ จะชนถูกเตาทำให้เกิดการปะทะกันระหว่างธาตุน้ำและธาตุไฟ นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะอีกด้วย

อย่าตั้งเตาไว้ข้างหลังชักโครกของห้องน้ำห้องส้วม การตั้งเตาเช่นนี้จะทำให้โชคลาภและสุขภาพถูกชักโครกทิ้งไป และสุขภาพที่ดี ก็ไปกับความมั่งคั่งร่ำรวยเสียด้วย

อย่าตั้งเตา ไว้ใต้ห้องน้ำห้องส้วมของชั้นบน

อย่าตั้งเตาไว้ใต้หน้าต่าง

อย่าตั้งเตาไว้ใต้คาน

เตาไม่ควรถูกชี่ที่แหลมคมของเหลี่ยมห้อง ผนัง หรือเสา ชนเอา

ไม่ควรมีบ่อพักที่เปิดฝาทิ้งไว้อยู่ทางใต้เตา

เตาไม่ควรตั้งอยู่ระหว่างสิ่งที่แทนด้วยธาตุน้ำ 2 อย่าง อาทิ อ่างซิงก์ข้างหนึ่ง และตู้เย็นหรือเครื่องซักผ้าอีกข้างหนึ่ง


ฮวงจุ้ย, ฮวงจุ้ยบ้าน, รับดูฮวงจุ้ย, แก้ฮวงจุ้ย, ฮวงจุ้ยธุรกิจ, อาจารย์แอน

ห้องอาหาร

โต๊ะอาหารควรเป็นทรงกลมหรือรูปไข่ มันจะทำให้พลังงานไหลเวียนอย่างราบรื่น

คานที่พาดผ่านเหนือโต๊ะอาหาร จะตัดสนามพลังงานของโต๊ะ และจะแบ่งแยกผู้รับประทานอาหาร ถ้าย้ายโต๊ะอาหารไม่ได้ เราสามารถแขวนโคมไฟที่ห้อยลงมาจากคานไว้เหนือโต๊ะอาหาร เพื่อกระจายชี่ที่ส่งแรงกดดันอันหนักหน่วงลงมา

โต๊ะอาหารที่จัดแบบบุฟเฟ่ต์ สามารถวางกระจกเงา ไว้ข้างหลังมันได้ กระจกเงาจะสะท้อนภาพอาหารให้ดูเสมือนว่ามีเพิ่มขึ้น ซึ่งบ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์และความเจริญรุ่งเรือง

ห้องอาหารควรมีแสงสว่างมากพอแต่ไม่เจิดจ้าจนเกินไป

ควรหลีกเลี่ยงกระจกเงาบนเพดานเหนือโต๊ะอาหาร เพราะมันจะรบกวนดุลยภาพของผู้รับประทานอาหาร โดยสะท้อนภาพของพวกเขากลับหัว

ต้องแน่ใจว่าโต๊ะอาหาร ไม่ได้อยู่ใต้ห้องน้ำห้องส้วมของชั้นบน

ภาพวาดหรือภาพถ่ายของบรรพบุรุษ จะส่งพลังหยินออกมา จึงไม่ควรแขวนไว้ในห้องอาหาร โดยเฉพาะต้องไม่ตรงกับโต๊ะอาหาร

เคล็ดลับของการจัดเตียงในห้องนอน

ให้ตั้งหัวเตียงติดผนังห้อง

อย่าตั้งหัวเตียงติดกับหน้าต่าง

อย่านอนในบริเวณที่ข้างล่างโล่ง

อย่าตั้งเตียงให้ตรงกับประตูห้อง

อย่านอนสูงจากพื้นมากเกินไป

อย่าตั้งเตียงใต้ห้องน้ำห้องส้วมของชั้นบน

อย่าตั้งหัวเตียงไว้ข้างหลังชักโครกของห้องน้ำห้องส้วม

อย่านอนใต้แท็งก์น้ำ

อย่าตั้งหัวเตียงไว้ข้างหลังเตาหรืออุปกรณ์อื่นๆที่ให้ความร้อน

อย่าตั้งเตียงไว้เหนือเตาโดยตรง

อย่านอนใต้คาน

สีในห้องนอน ควรสอดคล้องกับธาตุของผู้นอน และหัวเตียงควรหันไปในทิศที่ให้คุณ

ตำแหน่งของกระจกเงา ไม่ควรสะท้อนภาพของเตียง

ห้องนอนของลูก ไม่ควรมีดาบ กระบี่ อาวุธ หรือภาพโปสเตอร์ที่แสดงถึงความรุนแรง ของเด็กเล่นที่น่ากลัว หรือมีขนาดใหญ่โต เป็นต้นว่าใหญ่กว่าตัวเด็กเอง

เด็กที่ประสาทอ่อนไม่ควรนอนในความมืด อาจเปิดไฟดวงเล็กๆ ที่แสงไม่แย่งตาทิ้งไว้ทั้งคืน ส่วนข้าวของที่ก่อให้เกิดเงา ควรเก็บไว้ในตู้ที่ปิดมิดชิด ไม่ควรติดกระจกเงาไว้ในห้องนอน

อย่าตั้งเตียงของเด็กหรือคนแก่ ไว้เหนือโรงรถ เพราะชี่โรงรถจะทำให้เด็กและคนแก่มีโอกาสเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ

ห้องนอนของคนแก่ ควรหลีกเลี่ยงคานเหนือเตียง จะเร่งให้เกิดอาการปวดตามเนื้อตัว

เตียงอยู่ใกล้ประตูห้องน้ำห้องส้วม ควรมีฉากกั้นชี่จากห้องน้ำห้องส้วม ไม่ให้พุ่งชนเข้าเตียง

ควรตกแต่งห้องด้วยสีอ่อนและสว่าง จัดให้มีการระบายอากาศที่ดีและมีแสงสว่างตามธรรมชาติเข้าห้อง

ควรจัดห้องนอนของคนแก่ไว้ที่ชั้นล่าง ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการขึ้นลงลงบันได


ซินแสฮวงจุ้ย, ดวงจีน, โหราศาสตร์จีน, ฮวงจุ้ยเสริมโชค, อาจารย์แอน

โครงสร้างของฮวงจุ้ยที่ดี

ชาวจีนจะให้ความสำคัญกับภูเขา และเราทั้งหลายคงเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า “หลังมีเขา หน้ามีน้ำ” เป็นทำเลที่สมบูรณ์

ตำแหน่ง “เต่าดำ” ด้านหลังกำบังลมเหนือให้ การมีภูเขาอยู่ด้านหลังเปรียบเสมือนการนั่งเก้าอี้ที่มีพนักพิงย่อมให้ความสบาย ความมั่นคง เหมือนมีหลักอยู่ข้างหลังโดยไม่ต้องคอยระมัดระวัง และจะให้ดี แนวภูเขาเต่าดำต้องมี ๓ ขยักหรือ ๓ แถว

ภูเขา “เสือขาว” ทางด้านขวาของเต่าดำ จะคุ้มภัยร้ายจากแสงแดดทางด้านตะวันตก

ภูเขา “มังกรเขียว” ทางซ้ายของเต่าดำ จะคอยพิทักษ์ป้องกัน

และภูเขา “กระจิบแดง” ด้านหน้าของเต่าดำก็พอที่จะมองเห็นภาพได้อย่างไกลและในขณะเดียวกัน ก็เก็บกักพลังหมุนเวียนให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองแก่ผู้อยู่อาศัย

ในทางธุรกิจ แปลได้ว่า

เต่าดำ ๓ ขยัก
ขยักที่ ๑ การประสานกัน ระหว่างฝ่ายการตลาด/การขาย กับ back office เป็นการประสานงานภายใน
ขยักที่ ๒ การประสานกับคนภายนอก คือ ธุรกิจต้องมีเครดิต ต้องมีลูกค้า ต้องมีคอนเนคชั่น มีเพื่อน มีซัพพลายเออร์
ขยักที่ ๓ คือ ผู้อุปถัมถ์ทางการเงิน คือ ใช้เงินตัวเองส่วนหนึ่ง กู้ส่วนหนึ่ง

เสือขาว คือ back office ได้แก่ฝ่ายวางแผน บัญชี การเงิน บุคคล

มังกรเขียว คือ ฝ่ายที่บุกออกไปข้างนอก ได้แก่ ฝ่ายขาย ฝ่ายการตลาด

กระจิบแดง คือเป้าหมายวัตถุประสงค์ ความกระตือรือร้น แรงใจในการทำงาน ความสอดคล้องระหว่างโครงสร้างและตัวบุคคล ผลผลิต การตั้งเป้าหมาย

ลานโล่งด้านหน้า ก่อนถึงกระจิบแดง คือ หมิ่งถัง การมีวิสัยทัศน์ที่กว้าง ที่มองแล้วมีแผนการณ์ล่วงหน้า


ฮวงจุ้ยโต๊ะทำงาน, ฮวงจุ้ยบ้าน, ฮวงจุ้ยคอนโด, ตกแต่งร้านค้า, อาจารย์แอน

เวลาธุรกิจ/อาชีพมีปัญหา ในทางฮวงจุ้ยมีอะไรเป็นตัวบอกเหต

ตำแหน่งที่เกี่ยวกับอาชีพในบ้านเรา ตำแหน่งแรกที่ควรให้ความสำคัญ คือ ประตูทางเข้าบ้าน ต้องซ่อมแซมประตูให้ดี อย่าให้ทรุด อย่าให้พัง ประตูเปรียบเหมือนปาก คือหน้าตาของเรา เราผ่านบ้านไหน เราสามารถที่จะวัดบ้านนั้นได้จากประตูบ้าน คือถ้าหากว่าประตูบ้านผุพัง ดูแล้วแย่มากจริงๆ เราก็พอจะบอกได้ว่า บ้านนั้นเขาคงจะเหนื่อย ลำบาก ต้องเผชิญอุปสรรค เพราะว่าขนาดหน้าบ้านยังไม่มีเวลาดูแลเลย แล้วในบ้านจะสักแค่ไหน

แต่ในหลักวิชาฮวงจุ้ยแล้ว ประตู คือ "ทางแห่งการรับโชค" แปลตรงๆ คือหมายถึง “อาชีพ” แม้กระทั่งประตูทางเข้าของบริษัท ที่ทำงาน ให้ดูว่า เข้าซอกเข้าซอย หรือเข้าอย่างโอ่อ่า เปิดเผย หรือว่าประตูนั้น มีรอยแตก รอยร้าว ป้ายหลุด ชำรุด ต้องรีบซ่อมแซม อย่าปล่อยทิ้งไว้ เพราะคือหน้าตาของเรา ต้องเป็นสิ่งที่ดูสดชื่น สิ่งที่ชวนเชิญเราเข้าไป ปากประตู ปากทวาร พูดเองไม่ได้ แต่สายตาที่เห็น บอกได้

บางบริษัทประกอบกิจการเจริญรุ่งเรืองมาได้ 20 ปีแล้ว แต่พอไปดูป้ายชื่อบริษัท ดูทรุดโทรม ดูแย่ นั่นแสดงว่า กิจการเริ่มทรุดโทรมแล้ว อาชีพเริ่มไม่มั่นคงแล้ว

เพราะฉะนั้น อาชีพเจริญรุ่งเรืองหรือไม่ ให้มองที่ประตูบ้านก่อน เราก็สามารถที่จะทำนายได้

ตำแหน่งที่สองที่เราควรให้การสังเกต คือมุมในซ้ายสุดของบ้าน เมื่อเรายืนอยู่หน้าบ้านมองเข้าในบ้าน สายตาของเราไปหยุดมองที่มุมซ้ายสุดของบ้านตรงไหน ตรงนั้นคือตำแหน่งที่แสดงถึง ”ความมั่นคง” ซึ่งบางบ้านนั้นอาจเป็นห้องน้ำ ห้องครัว ก็ต้องดูแลรักษาให้สะอาด อย่าให้ทรุดร้าว รั่วซึม มีกลิ่น หรือบางบ้านอาจจะเป็นบันได ก็ไม่ถือว่าเสียหายอะไร แต่อย่าให้มันเอียง ทรุด มีเสียงดังเวลาเดิน(โครงสร้างบันไดไม่แน่น) เวลาเดินแล้วรู้สึกไม่มั่นคง หรือแคบ บางที่ยังเอาของไปวางอีก เราต้องจัดการกับสิ่งเหล่านี้ให้ดี เพราะว่ามุมนี้เป็นส่วนที่เราจะต้องเดินผ่านทุกวัน บันไดเปรียบเสมือนกระดูกหรือทางลงของมังกร ซึ่งมังกรก็คือตัวเรานั่นเองที่ต้องเดินผ่านทุกวัน ดังนั้นเราจึงให้ความสำคัญที่บันได

ตำแหน่งที่สามที่ใช้สังเกตเกี่ยวกับอาชีพ คือ ธาตุน้ำ เพราะฉะนั้น เราจึงต้องตรวจสอบระบบน้ำในบ้านให้ดี หากว่าน้ำรั่ว น้ำซึม ชักโครกติดขัด น้ำไหลขึ้นชั้นบนหรือไม่ ไหลสม่ำเสมอหรือไม่ ปั๊มน้ำทำงานดีหรือไม่ จ่ายค่าน้ำเป็นปกติหรือไม่ เหล่านี้ล้วนเกี่ยวพันกับอาชีพทั้งสิ้น

ถ้าบ้านใด น้ำไม่ค่อยไหล ห้องน้ำใช้งานไม่ได้ ระบบน้ำรั่ว ซึม เสีย ต้องรีบแก้ไข เพราะว่าระบบน้ำในความหมายของฮวงจุ้ย แปลว่า “อาชีพ” ก็จะมีอุปสรรค มีปัญหา ที่ทำงานก็เช่นกัน สำนักงานแห่งหนึ่ง พนักงานทำงานอยู่ชั้นล่าง แต่ห้องน้ำต้องขึ้นไปชั้นสาม ปรากฏว่าพนักงานที่นี่มีโรคภัยไข้เจ็บ สุขภาพไม่ดีกันไปตามๆ กัน

นอกจากนี้ ระบบน้ำที่มีปัญหา ยังหมายถึงระบบการเงินที่ติดขัด อุปสรรคในการทำงานทุกชนิด เพราะคือตัวอาชีพ

อาชีพ จะประกอบไปด้วย “มนุษย์สัมพันธ์และการเงิน” ถ้าที่ใดระบบน้ำรั่วหรือเสียบ่อยๆ หรือขาดแคลน จะเป็นตัวที่แสดงว่า การติดต่อสัมพันธ์กับคนภายนอกเริ่มไม่ดีแล้ว จะมีปัญหาเกี่ยวข้องกับอาชีพทุกด้านรวมทั้งบริวารด้วย

เพราะฉะนั้น ระบบน้ำต้องดูแล เพราะว่าจะเกี่ยวกับอาชีพของทุกคนเลย

...............อ.แอน

เรื่องของน้ำ

ในจำนวนห้าธาตุ อันได้แก่ ธาตุน้ำ ไม้ ไฟ ดิน และทอง นั้น แม้ว่าแต่ละธาตุจะมีความสำคัญเท่าเทียมกัน แต่ธาตุน้ำก็เป็นธาตุแรกที่เอ่ยถึง และเป็นธาตุที่เป็นจุดก่อกำเนิดของธาตุอื่นๆ ดังนั้น ในความเป็นจริงในเรื่องของธาตุนี้ เราควรเอ่ยถึงธาตุน้ำก่อน

ดังที่กล่าวมาแล้วว่า ปราณที่อยู่รอบๆ ตัวเรา และปราณที่อยู่ภายในตัวเรา จะต้องมีความสมดุลกลมกลืนกัน ความเจริญหรือที่เรียกว่า ความคล่องตัวในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ก็จะเกิดขึ้นในชีวิตเรา

เมื่อเรามีกำเนิดในที่น้ำหรืออยู่ในที่ที่เห็นน้ำ เห็นทะเล อยู่เสมอๆ ธาตุน้ำดูดซึมง่ายกว่าธาตุลม ดังนั้น ดูเหมือนคนที่อยู่ติดน้ำและเห็นน้ำอยู่เสมอๆ จะพลอยได้รับอิทธิพลจากธาตุน้ำไปด้วย

นิสัยที่เกี่ยวพันกับธาตุน้ำ คือ ชอบริเริ่ม มักทำอะไรตามอุดมการณ์ มีมนุษย์สัมพันธ์ดี เป็นคนไม่อยู่นิ่ง ธาตุน้ำเป็นกระแส เพราะฉะนั้น อะไรที่เกี่ยวกับกระแสหรือการหมุนเวียนไม่อยู่กับที่ จึงเกี่ยวพันกับธาตุน้ำทั้งหมด ดังนั้น ธาตุน้ำจึงเกี่ยวพันกับการเงิน หรือการหมุนเวียนของกระแสเงิน นอกจากนี้ยังหมายถึงการบริการ งานที่เกี่ยวกับการโรงแรม การท่องเที่ยว ตลอดจนงานที่เกี่ยวกับการดูแลทั้งหมด

ดังนั้น หากมีความจำเป็นต้องย้ายถิ่นฐานไปอยู่ในที่ที่ไม่มีธาตุน้ำเลย แล้วเราก็ประกอบอาชีพไปในทางนี้ ทั้งนิสัยใจคอดั้งเดิม ก็เป็นคนชอบรับแขกอยู่แล้ว ไปอยู่ในถิ่นฐานที่ไม่มีธาตุน้ำเลย นิสัยเราก็อาจจะเปลี่ยนแปลงไปตามธาตุของที่อยู่ใหม่ แต่ความเจริญจะไปช้า เพราะธาตุในร่างกายนั้นกว่าจะเปลี่ยนแปลง ก็ต้องใช้เวลานานเกือบเท่าๆ กับที่เราเกิดใหม่ทีเดียว ฟังดูก็ร้ายแรงเอาการถ้าเราต้องเริ่มความเจริญของชีวิตนานขนาดนั้น

ทีนี้ สมมุติว่าเราเป็นคนธาตุทอง ไปอยู่ในที่ที่มีน้ำ เราจะต้องเหน็ดเหนื่อยไปกับหน้าที่การงาน หรือการทำมาหากิน ไม่ได้หยุดหย่อน จึงจะเกิดการหมุนเวียนของกระแสเงิน เรียกได้ว่าไม่ตกงาน แต่ก็เหนื่อยน่าดูชม  และถ้าเราเป็นคนขี้เกียจ ก็จะขัดต่อกระแสที่อยู่รอบข้างตัว ธาตุน้ำที่อยู่ข้างกายเรา จะกลายเป็นดอกเบี้ย หรือกระแสเงินที่ต้องจ่ายออก และจะกลายเป็นคนที่ทำอะไรเกินตัวไป ดังนั้น คนที่อยู่ในธาตุทองโปรดอย่าขี้เกียจ

บุคคลที่มีธาตุไม้เป็นธาตุประจำตัว หากอยู่ใกล้น้ำ ควรบำเพ็ญตนเป็นไม้ที่หยั่งราก คือต้องขยันขันแข็งอีกเหมือนกัน มิฉะนั้น ไม้นั้นเมื่อไม่หยั่งราก ก็หมายความว่า จะตายหากถูกน้ำมากเกินไป หมายความว่า สุขภาพจะไม่แข็งแรง จะเจ็บไข้ได้ป่วย และการงานก็จะตกตามมา แต่ถ้าเป็นคนขยัน ใฝ่หาความรู้เพิ่มเติม จะมีคนอุปถัมภ์ค้ำจุน เพราะธาตุไม้มีความหมายไปในทางเพิ่มพูนความรู้ด้วย สามารถทำงานด้านการตลาด การประชาสัมพันธ์ หมั่นทำความรู้จักและผูกมิตรกับผู้คน พยายามที่จะพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ความเจริญก็จะเกิดกับเราโดยง่าย เปรียบเหมือนต้นไม้ที่โตและหยั่งรากเมื่อได้น้ำ

บุคคลที่มีธาตุดินเป็นธาตุประจำตัว หากอยู่ในที่ที่มีน้ำมาก ควรเป็นบุคคลที่มีอาชีพในการบริหาร หรือทำงานในโรงงานอุตสากรรม หรือถ้าคิดจะประกอบกิจการของตนเอง ก็ต้องเป็นกิจการที่มีผลผลิต เพราะงานจะเข้ามาจนต้องผลิตหามรุ่งหามค่ำ แต่ถ้าประกอบอาชีพที่อ่อน ธาตุน้ำก็จะละลายธาตุในร่างกายของเรา กลายเป็นคนอ่อนแอ ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง สุขภาพไม่แข็งแรง อาจต้องย้ายถิ่นฐาน หรือไม่ก็ต้องจัดทำเลบ้านใหม่ ให้มีธาตุทีครบและสมดุลกลมกลืน

บุคคลที่มีธาตุไฟเป็นธาตุประจำตัว ต้องมีหลักการ มีความคิดริเริ่ม รู้จริง สามารถเป็นผู้นำกลุ่มคน ต้องมีบริวาร คณะที่ปรึกษา จะทำอะไรที ก็ต้องประชุมปรึกษาหารือ ลดความไวของตนเอง ถ้าหากเป็นคนที่ทำอะไรแล้วบินเดียว จะเป็นธาตุไฟที่ถูกดับ ทำอะไรก็พลาดง่าย ร่างกายอ่อนแอไม่สมบูรณ์

ที่ที่เป็นธาตุน้ำ ประกอบด้วยลักษณะอย่างไรบ้าง

อันดับแรก ดูง่ายที่สุด คือบ้านหรืออาคารที่หลังอิงทิศเหนือ

ข้อต่อมา ก็ดูง่ายอีกเหมือนกัน คือ ที่ติดแม่น้ำ ลำคลอง หนอง บึง หรือบริเวณที่เราอยู่นั้น มีชื่ออยู่ในกลุ่มธาตุน้ำ เช่น หนองปลาไหล หมู่บ้านชลธี เป็นต้น ซึ่งข้อนี้ ก็จะไปเกี่ยวกับธาตุลมด้วย

สถานที่ที่มีถนนตัดกันหลายสาย เป็นชุมทาง หรือที่ที่พลุกพล่านจอแจ ที่ที่เป็นชุมชน ตลาดสด ศูนย์การค้าต่างๆ  ที่ที่เป็นชุมชน ที่ที่มีถนนตัดหลายสาย เป็นลักษณะของธาตุน้ำในเชิงสัญลักษณ์ แต่น้ำที่มีคุณภาพมากที่สุด คือน้ำจริงๆ ซึ่งลักษณะน้ำดีนั้น คงไม่ต้องบรรยายมาก คงจะเข้าใจกันดีอยู่แล้วว่า ใครก็ตามที่มีแหล่งน้ำอยู่ในบ้าน ก็แทบไม่ต้องแจกแจงอีกว่า โปรดรักษาน้ำที่มีอยู่ให้สะอาดตลอดกาล เพราะหมายถึง มนุษย์สัมพันธ์ กระแสการเงินที่สะพัดหมุนเวียน ถ้าน้ำนั้นเสีย หมายถึง รายจ่ายและเงินที่ผิดกฎหมาย รวมทั้งอาชญากรรมที่จะเกิดขึ้นทุกชนิดจากน้อยไปหามาก ได้แก่ ของหาย รายจ่ายมาก จนกระทั่งขโมยขึ้นบ้าน

น้ำเสียในที่นี้ จะรวมถึงน้ำรั่ว ท่ออุดตัน น้ำไม่ไหล น้ำซึม

โดยเหตุที่ธาตุน้ำ มีความหมายถึงอาชีพ หน้าที่การงาน น้ำจึงเป็นธาตุที่สำคัญและเกี่ยวพันกับการดำเนินชีวิตมนุษย์มากที่สุด และยังให้โทษกับบุคคลน้อยที่สุด นั่นคือในกรณีที่เกิดน้ำท่วม น้ำบ่า นอกนั้นถือว่าธาตุน้ำให้ประโยชน์แก่มวลมนุษย์มากที่สุด แม้แต่ในการพัฒนาชุมชนในประเทศจีน ในประวัติศาสตร์อันยาวนาน ก็เริ่มพัฒนาจากการระบบชลประทานก่อน อารยธรรมต่างๆ ของโลกก็มีกำเนิดในแถบลุ่มแม่น้ำ สัตว์ในเทพนิยายก็มีมังกรบ้าง นาคบ้าง ที่ทรงอิทธิพลและมีอำนาจต่อมนุษย์มากที่สุด

ดังนั้นอาจารย์จึงมักจัดทำเลให้ทุกบ้านมีธาตุน้ำ และต้องเป็นน้ำที่มีชีวิต เป็นน้ำพุบ้าง น้ำตกบ้าง ตู้ปลาบ้าง สวนน้ำเล็กๆบ้าง และกำชับให้รักษาน้ำที่มีอยู่ในบ้านให้สะอาดอยู่เสมอ

ตำแหน่งน้ำที่เสริมในยุคปัจจุบัน คือ น้ำทางทิศตะวันตก ทิศตะวันตกเฉียงใต้ และทิศตะวันออก น้ำที่สลายพลังงานความดีและพลังทรัพย์ คือ น้ำทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ทิศใต้และทิศเหนือ มีข้อยกเว้นว่า น้ำทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือนั้น ต้องมีดอกบัวด้วย จึงจะให้คุณ

ตำแหน่งตู้ปลาที่ดีที่สุด คือตรงประตู หรือใกล้ประตู ซึ่งมีความหมายว่า “ประตูมังกร” หมายถึง การฟันฝ่าอุปสรรคและประสบความสำเร็จในที่สุด

ตู้ปลาหรือตำแหน่งน้ำทางด้านทิศตะวันออก ส่งเสริมด้านอาชีพและการเงิน

ตู้ปลาหรือตำแหน่งน้ำทางด้านทิศตะวันตก ส่งเสริมการเงินและบริวาร บุตรหลานอุดมสมบูรณ์

ตู้ปลาหรือตำแหน่งน้ำทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ ส่งเสริมด้านสุขภาพและความมั่นคงทางการเงิน ตลอดจนส่งเสริมให้มีความสัมพันธ์กับลูกค้าในทางที่ดี

สำหรับปลาที่เลี้ยงไว้ คือปลาเงิน ปลาทอง ต้องไม่ใช่ปลากัด ปลารักเร่ หรือปลาสอดที่กับกินกันเอง เพราะจะมีผลถึงเจ้าของด้วยค่ะ

เรื่องของลม

ศาสตร์ว่าด้วยทำเล กำหนดให้โลกนี้ประกอบด้วยห้าธาตุ อันได้แก่ ธาตุน้ำ ไม้ ไฟ ดินและทอง ส่วนธาตุลมนั้นผสมผสานอยู่ในธาตุไม้ เพราะในแผ่นปากัว ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ เราใช้คำภาษาจีนว่า "ซวิ่น" แปลว่า ลม

ทิศตะวันออกเฉียงใต้เป็นธาตุไม้ ดังนั้นธาตุลมจึงจัดอยู่ในกลุ่มของธาตุไม้ไปโดยปริยาย ธาตุลม ในศาสตร์ว่าด้วยทำเลนี้มีความหมายถึง "ปราณ หรือ ลมหายใจของจักรวาล" เป็นการพูดให้แคบเข้าเพื่อให้เข้าใจง่าย คือกระแสของอากาศที่หมุนเวียนอยู่รอบๆ ตัวเรา ปราณนี้แบ่งออกเป็นสองอย่างคือ

ปราณที่อยู่รอบๆ ตัวเรา และปราณที่อยู่ภายในตัวเรา ซึ่งโดยปรกติคำว่า "สมดุลกลมกลืน" นั้น มีความหมายถึง ความสอดคล้องระหว่างปราณที่อยู่ภายในตัวเราและปราณที่อยู่ภายนอกรอบๆ ตัวเรา

เช่น ถ้าหากเราอยู่ในที่ที่ลมแรง ลมพัดจัด เช่น อยู่บ้านติดทะเลในทิศทางที่เผชิญกับลมอยู่เสมอ ก็จะนำพาให้ธาตุลมภายในตัวเราแข็งแกร่ง เป็นคนสู้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเพศใด มีอารมณ์ที่โผงผาง รุนแรง มีอิสระในทางความคิด ไม่ซับซ้อน บ้านเรือนที่อยู่อาศัยของคนที่อยู่ในถิ่นที่ลมแรงจัด มักมีต้นไม้สูงไว้รอบๆ เพื่อกั้นทางลม เสาอาคารบ้านเรือนก็ดูแข็งแกร่ง พลอยทำให้อารมณ์ของผู้อยู่อาศัยนั้นหนักแน่น มั่นคง แข็งแกร่งไปด้วย

หากบุคคลนั้น มีธาตุในตนอ่อนกว่าสภาพแวดล้อม ไม่อาจพัฒนาตามได้ทัน ตนเองก็จะอยู่ในสภาพแวดล้อมนั้นไม่ค่อยได้ มีอันต้องโยกย้ายถิ่นฐานไปอยู่ตามสภาพที่เหมาะสมแก่ธาตุตน

ทำไมต้องยกตัวอย่างไปที่ธาตุลม แล้วธาตุอื่นๆ ล่ะ เป็นไปในทำนองเดียวกันหรือเปล่า ขอตอบว่า เป็นไปในหลักการเดียวกัน

บ้านใครที่อยู่ทางลมที่แรง ภาษาฮวงจุ้ยเขาบอกว่า โดน "ชี่สังหาร" ก็คือโดนปราณที่เข้มแข็งนั่นเอง และบ้านที่อยู่ทางลมแรง ก็ได้แก่ บ้านที่มีประตูรับถนนแคบๆ ที่พุ่งตรงมาหาตัวบ้านนั่นแหละ และลูกศิษย์ทางโหราศาสตร์ ก็ทำความเข้าใจว่า คนที่มีดาวอังคารสัมพันธ์กับลัคนานั่นแหละ จะอยู่ได้ดี ก็เพราะคนที่มีดาวอังคารสัมพันธ์กับลัคนา แสดงถึงคนที่มีลักษณะดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น คือ โผงผาง ตรงไปตรงมา มีกิจกรรมเยอะ และรู้จักพัฒนาตนเองอยู่เสมอ อย่างนี้ยิ่งอยู่ที่ๆ มีปราณเข้มแข็ง ดวงชะตารับได้อย่างนี้ก็ยิ่งเจริญ

แต่ถ้าบุคคลที่มีธาตุอ่อน เช่น วัน เดือน ปีเกิดของบุคคลนั้นชี้ว่า เป็นธาตุไม้ ต้องบอกว่า ก็สามารถอยู่ในที่ที่มีปราณแข็งได้ ถ้าหากในดวงชะตามีแนวโน้มว่าเป็นคนสู้งาน เป็นไม้ยืนต้นที่หยั่งราก ไม่ใช่ไม้ดอกที่อ่อนแอ

บุคคลที่มีธาตุไฟ เป็นธาตุประจำตัว ไปอยู่ในที่ที่ปราณเข้มแข็ง ก็ต้องเป็นไฟธาตุที่แข็งแกร่งในด้านหลักการและวางแผน ก็จะทำให้กิจการนั้นๆ สามารถผ่านพ้นอุปสรรคไปได้

สำหรับบุคคนที่มีธาตุดินเป็นธาตุประจำตัว ถ้าเป็นดินที่แข็งแกร่ง สามารถบริหารและ คัดเลือกตัวบุคคลให้เหมาะสมกับงานองค์กรนั้นๆ ก็สามารถพัฒนาเป็นกิจการที่ใหญ่โตโดยไม่ยาก

และบุคคลที่มีธาตุน้ำเป็นธาตุประจำตัว อันนี้ซิ ที่น้ำแรง ลมแรง เป็นพายุมาแล้ว หากรู้ตัวว่าตนเองเป็นธาตุน้ำ ไปอยู่ในที่ที่ลมแรง สมควรอยู่ฝ่ายการตลาดเป็นที่สุด เพราะการตลาดของเรานั้น จะแข็งที่สุด ยิ่งองค์กรใดอยู่ได้ด้วยแผนการตลาด ธาตุน้ำจะเหมาะสมที่สุด

เมื่อทราบรหัสของการใช้ธาตุให้เหมาะสมกลมกลืนแล้ว ปัญหากลับไปอยู่ที่ว่า จะรู้ได้อย่างไรว่า ที่ใดเป็นที่ที่ธาตุลมแรง

ที่ที่ติดแม่น้ำ ริมทะเล เป็นข้อหนึ่งที่ดูง่าย ใครก็ตามที่มีบ้านอาศัยอยู่ริมน้ำ หรือเปิดกิจการอยู่ริมน้ำย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงธาตุลมที่แข็งแกร่ง หลายคนยังเข้าใจผิดว่า อยู่ริมน้ำเย็นสบายดี กิจการค้าเลยเฉื่อยๆ ชอบกล ความจริงท่านคิดผิด หากท่านเป็นคนที่แข็งแกร่งตามธาตุของท่านเอง และเลือกทำกิจการที่เหมาะสมกับความโดดเด่นระหว่างธาตุประจำตัว กับธาตุลมที่อยู่รอบๆ ตัว ตามนัยที่กล่าวมาข้างต้น ท่านจะประสบความสำเร็จแน่นอน

ที่ดินที่โล่ง สำหรับการทำสนาม Golf โรงงานต่างๆ ก็เป็นที่ที่มีธาตุลมแรง ก็ต้องใช้ทฤษฎีที่กล่าวมาแล้วเช่นกัน

บริเวณที่เป็นทางสามแพ่ง แล้วตึกหรืออาคารของเราอยู่ตรงถนนพุ่งตรงมา ก็เป็นที่ที่มีลมแรง ซึ่งบางแห่งก็แก้ไขง่ายๆ โดยการเปิดกิจการร้านอาหารหรือขายโลงศพ บ้างก็ขายล้อยางรถยนตร์ ขายกระจก ซึ่งเป็นกิจการที่มีความแรงเท่าเทียมกับธาตุลมที่แรง ซึ่งเป็นปราณภายนอกนั่นเอง

บุคคลที่มีธาตุทองเป็นธาตุประจำตัว และมีอารมณ์ที่รุนแรงในนิสัย สามารถอยู่ในพื้นที่ที่ธาตุลมแรงได้ดี

ความสอดคล้องกันระหว่างปราณที่อยู่ภายในตัวเราและปราณที่อยู่กับสภาพแวดล้อมภายนอก เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง พวกเราสามารถใช้หลักเกณฑ์นี้ ไปพิจารณาถึงธาตุอื่นๆ ในทำนองเดียวกัน

องค์ประกอบที่ไม่สมดุล

โดยปกติที่พวกเราเน้นหนักเน้นหนาในการพิจารณาสถานที่ต่างๆ ว่าดีร้ายประการใด ในหลักของฮวงจุ้ยทุกสายทุกสำนักจะมีพื้นฐานเหมือนกันหมด คือ การพิจารณาความสมดุลของสภาพแวดล้อมเป็นอันดับแรก

จากที่อยู่อาศัยเล็กๆ เช่น คอนโดมิเนียม แฟลตเล็กๆ อพาร์ทเม้นท์ต่างๆ เหล่านี้ พอจะมองออกได้ไม่ยาก และนอกจากความสมดุลภายในห้องพักเล็กๆ นั้น ยังต้องมีการแบ่งสัดส่วนใช้สอยให้ชัดเจน แม้ห้องพักจะไม่ได้มีขนาดใหญ่ ก็สามารถจัดให้เป็นสัดส่วนได้เช่นเดียวกัน ทั้งนี้นอกจากจะขึ้นกับหลักวิชาในการจัดทำเลที่อยู่อาศัยแล้ว ยังต้องมีศิลปะรวมถึงความสามารถในการเลือกเฟอร์นิเจอร์ให้เข้ากับห้องพัก ทั้งขนาดและสีสันที่สอดคล้องกับเจ้าชะตาด้วย

องค์ประกอบของความไม่สมดุลอื่นๆภายในคอนโดหรือห้องพักนั้น จะเกี่ยวพันกับความมืดความสว่าง ซึ่งได้แก่แสงไฟที่พอเหมาะในยามกลางคืน และแสงจากดวงอาทิตย์ที่เข้ามาในเวลากลางวัน

ทางเข้าออกของลม ที่โล่ง ที่แคบ ที่เราเรียกว่า “ช่องลม” หรือระบบการถ่ายเทอากาศ ก็เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของความเหมาะสมหรือความสนดุลภายในห้องพักที่อยู่อาศัย

การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ที่มีขนาดพอเหมาะพอเจาะ รวมถึงลักษณะรูปทรง ที่อาจจะแก้ไขความสมดุลของห้องให้ดีได้ และอาจทำให้ความสมดุลของห้องเสียไปได้เช่นเดียวกัน

องค์ประกอบเหล่านี้ เป็นสิ่งที่นักดูฮวงจุ้ยหรือผู้ที่กำลังศึกษา ต้องสังเกตให้ดีก่อนที่จะไปเข้าหลักวิชาอื่นๆ เช่น จุดที่มีพลังที่สุดของห้อง หรือจุดที่มีพลังน้อยที่สุด ตำแหน่งภายในห้องกับการใช้สอย หรือการจัดห้องตามดวงดาวในชะตาของแต่ละคนต่อไป

นี่เป็นหลักที่ถือว่าดูง่ายที่สุด ถ้าจะฝึกหัดในการดูทำเลและจัดทำเล ก็ควรทำแบบฝึกหัดที่ง่ายที่สุด ที่เล็กที่สุดไปก่อน เป็นการฝึกความสังเกตและความละเอียดในการจัดทำเลไปด้วย

จากที่อยู่อาศัยที่เป็นลักษณะของห้องพัก ก็จะเป็นบ้านพัก เราก็เริ่มดู สังเกต และจัดเป็นห้องๆ ไป ไม่ว่าจะเริ่มจากห้องใดก่อน ก็ต้องรู้ถึงหน้าที่ของห้องนั้นๆ ว่ามีวัตถุประสงค์ในการใช้สอยอย่างไร เป็นการขยายจากการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเดียว ที่เหมาะแก่การใช้สอยภายในห้องพักเล็กๆ มาเป็นองค์ประกอบของเฟอร์นิเจอร์ ที่สอดคล้องกับเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหลัก

ยกตัวอย่างเช่น ห้องนอน ซึ่งภายในคอนโดอาจมีเพียงหนึ่งเตียง มีองค์ประกอบที่ใช้ร่วมกับส่วนใช้สอยอื่นๆ คือทีวี แต่เมื่อขยายมาเป็นห้องนอน เตียงนอนคือเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหลัก เพราะวัตถุประสงค์ของการใช้ห้องนอนคือนอน ดังนั้นเตียงก็ต้องเป็นหลัก เฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ก็เป็นองค์ประกอบ มาเสริมให้ห้องนอนนี้มีความเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ สิ่งใดที่จะเข้ามาอยู่ในห้องนอน ก็ต้องสอดคล้องกลมกลืนกับเฟอร์นิเจอร์หลัก และวัตถุประสงค์ของเจ้าของบ้าน ตลอดจนการให้สีสัน ก็ต้องสอดคล้องกับดวงชะตาของผู้เป็นเจ้าของห้องด้วย

นอกจากนี้ การดูองค์ประกอบที่ทำให้ห้องขาดความสมดุล ที่ต้องพิจารณาด้วย คือ แสง ที่เราสามารถปรับให้พอดีทั้งกลางวันและกลางคืนด้วยม่านและแสงไฟ

อากาศที่หมุนเวียนถ่ายเท คือจำนวนหน้าต่างหรือช่องลม ที่สามารถใช้พัดลมดูดอากาศเป็นตัวปรับ

ตำแหน่งการวางเตียง ก็ต้องมีความเหมาะสมมากที่สุด เพราะเป็นเฟอร์นิเจอร์หลักของห้อง ก็ต้องมีหลักในการจัดวาง ไม่ให้อะไรมาข่มหรือเบียน หรือแม้กระทั่งดูน่ากลัวจนไม่กล้าเข้าไปนอน  ต้องไม่โล่ง คืออยู่ระหว่างประตูกับหน้าต่าง ทิศทางลมพัดผ่าน เหล่านี้เป็นต้น แล้วค่อยไปพิจารณาถึงหัวเตียง ตำแหน่งที่ตั้ง จุดที่มีพลังอื่นๆ ต่อไป

อาจมีคำถามจากผู้ที่ขี้สงสัยว่า องค์ประกอบในห้อง ที่จะเชิดชูเตียงให้เด่น ไม่ข่มเตียงนอนนั้นคืออะไรบ้าง เพราะเรียนไปเรียนมา ชักเสียศูนย์ ไฟธาตุแตกกันหมด

องค์ประกอบในห้องนอนขึ้นอยู่กับธรรมชาติ นิสัยของคนทั่วไป ที่ห้องนอนนั้นต้องประกอบด้วยเตียงซึ่งเป็นหลักอยู่แล้ว ก็ต้องมีตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง ไว้แต่งตัวเมื่อตื่นขึ้นมา มีทีวีหรือวิทยุเครื่องเสียงไว้ฟังก่อนนอน มีโต๊ะทำงานตัวเล็กๆ ไว้เตือนความจำก่อนนอนว่าพรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาจะต้องทำอะไร ถ้าเป็นเด็กๆ ก็มีโต๊ะหนังสือไว้ทบทวนบทเรียนก่อนนอน บางคนก็มีชั้นหนังสือไว้อ่านก่อนนอน

โปรดสังเกตว่าองค์ประกอบคือ ไว้เตรียมก่อนนอนและบริการหลังตื่นนอน เพราะจะนั้น เฟอร์นิเจอร์เหล่านี้จะต้องไม่ดูขนาดใหญ่ หรือมีมากมายเป็นเรื่องเป็นราว เช่นเครื่องเสียงสเตอริโอระบบเซอร์ราวด์ หรือโต๊ะทำงานขนาดยักษ์พร้อมเครื่องแฟกซ์ หนังสือที่มากมายราวกับห้องสมุด อย่างนี้เป็นต้น หรือแม้แต่เครื่องออกกำลังกายที่เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตจนดูเหมือนเป็นตัวเอเลี่ยนมหึมาอยู่ในห้องเมื่อยามเราดับไฟ ถ้าจะมีควรเป็นชิ้นเล็กๆ นวดมือ นวดเท้า บิดเอวมากกว่า

ในเรื่ององค์ประกอบของความสมดุลของที่อยู่อาศัย ที่เราต้องแยกเป็นห้องๆ และดูวัตถุประสงค์ของการใช้สอย ซึ่งจะเป็นตัวชี้ว่า เฟอร์นิเจอร์ใดจะเป็นเฟอร์นิเจอร์หลัก

ห้องรับแขก ก็ต้องมีชุดรับแขกเป็นหลัก ห้องอาหาร ก็ต้องมีโต๊ะอาหารเป็นหลัก ห้องนั่งเล่น ห้องพักผ่อน ก็ต้องมีทีวี เครื่องเสียง ของเล่น เกมส์ต่างๆของลูก เป็นหลัก เฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ก็ต้องเป็นรอง และเป็นเครื่องเสริมเฟอร์นิเจอร์หลักให้สมบูรณ์

การประกอบอาชีพต่างๆ ของบุคคล ก็ต้องดูว่า อะไรเป็นหลัก ก็ต้องเชิดชูสิ่งนั้น เช่น คนที่ประกอบอาชีพขายหนังสือ หนังสือเป็นหลัก การจัดร้านก็ต้องเชิดชูหนังสือเป็นหลัก

ร้านขายเสื้อผ้า รับตัดเย็บเสื้อผ้า เสื้อผ้าก็เป็นหลัก คือต้องค้ำจุนสินค้าของเรา ประคบประหงมให้งานออกมามีคุณภาพและสวยงามที่สุด

เราทำขนส่งเป็นหลัก ยานพาหนะของเรา ก็ต้องมีประสิทธิภาพที่สุด

เราทำงานบริการ การบริการของเราก็ต้องเป็นเลิศ และเป็นจุดเด่นที่ใครๆ ก็ต้องกล่าวขวัญถึง

และในการจัดทำเล ก็ต้องให้สอดคล้องกับงานของเราเช่นกัน

...........อ.แอน

ทางสามแพร่ง ตอนที่ 2

ในขณะเดียวกัน ผู้ประกอบอาชีพในแนวนิ่มนวล หรืออาชีพธรรมดาทั่วไป หากไปอยู่ทางสามแพร่ง ควรเลือกแต่งแก้ไขเป็น 2 แนวทาง ดังนี้

ทางที่ 1 สร้างกำแพงหนาทึบเป็นรั้วสูง
ทางที่ 2 ตกแต่งให้สวยงามด้วยน้ำพุ ต้นไม้ หรือติดโมบาย กระดิ่งลม ตรงหน้าต่างชั้นบนด้านถนนที่เป็นทางสามแพร่ง เพื่อกระจายและสลายพลังพลังด้วย


แต่ในบางกรณี ผู้ประกอบอาชีพทั่วไปที่ไม่ได้รับพลังร้ายจากทางสามแพร่งก็มี เช่น บ้านของคุณวินนี่ เธอเกิดปีขาล สามีก็เกิดปีขาล ตอนแต่งงานกัน เธอเล่าว่าคุณแม่สามีคัดค้านมาก เพราะเธอเกิดปีเสือ กลัวข่มสามี พอแต่งงานแล้ว ย้ายไปอยู่ที่บ้านของคุณวินนี่ซึ่งตั้งอยู่บนทางสามแพร่ง ยิ่งเป็นที่อกสั่นขวัญหายของญาติๆฝ่ายสามี

ความที่เธอและสามีเกิดปีขาล เปรียบเสมือนเสือ 2 ตัว เธอจึงสั่งทำกระจกสี เป็นรูปเสือตัวผู้เสือตัวเมียคลอเคลียกัน แล้วนำกระจกสีบานใหญ่นี้ ติดตรงประตูเข้าบ้าน

คงจะเดาได้ว่า ความบังเอิญนี้แก้เคล็ดให้เธอพอดี เสือน่าจะกัดกัน ข่มกัน ทำลายกัน กลับรักใคร่กลมเกลียวกันดี เพราะเป็นตัวผู้และตัวเมีย จึงไม่ทำลายกัน เสือมีพลังแห่งความแข็งกร้าวน่าเกรงขาม เท่ากับปกป้องสิ่งที่ร้ายและเข้ากันได้ดีกับทางสามแพร่ง ปัจจุบันเธอมีลูกเสืออีก 3 หน่อ ตัวสูงใหญ่ ไปเรียนต่างประเทศกันทุกคน ครอบครัวเจริญรุ่งเรืองและมีความสุขดี

น้าสมใจ ที่บ้านทำร้านเสริมสวย มีทั้งสระ นวด อบ ตามกระบวนการเสริมความงามทุกประการ ตั้งอยู่ตรงทางสามแพร่ง ในแถบชุมชนเป็นตลาดสด มีคนพลุกพล่าน ลูกชายเธอไปค่ายลูกเสือ ได้รับรางวัลเป็นรูปสัญลักษณ์ของลูกเสืออันใหญ่มาก ไม่รู้เอาไปไว้ไหน ก็เอาไปติดขอบหน้าต่างชั้นบนตรงด้านทางสามแพร่ง ร้านเสริมสวยเจริญรุ่งเรือง ทำมาค้าขึ้น ขยายใหญ่โต เลยปรับปรุงใหม่ ทาสีร้านค้าใหม่ เอาเครื่องหมายลูกเสือออก ต่อมาเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ สามีบาดเจ็บ เสียเงินทองมากมายเพราะตนเองเป็นฝ่ายผิด กิจการค้าเริ่มตก คนไม่เข้าร้านเลย สามีก็ถูกออกจากงาน

เมื่ออาจารย์ได้พูดคุยกับคุณน้าสมใจ ถึงประวัติก่อนการตบแต่งร้าน คุณน้าสมใจก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องเครื่องหมายลูกเสือของลูกชาย เพราะนึกไม่ถึง จนกระทั่งข้าพเจ้าบอกว่า ทำเลนี้เป็นทำเลน้ำ ต้องตั้งเครื่องหมายของเจ้าสมุทร เจ้าแห่งน้ำ คือ สามง่าม ซึ่งเป็นเครื่องหมายของดาวเนปจูน เจ้าแห่งสมุทร การค้าก็จะดีเหมือนเดิม เธอก็พาอาจารย์ไปที่ห้องเก็บของ แล้วชี้เครื่องหมายลูกเสือ ถามว่าอันนี้ใช้ได้ไหม อาจารย์บอกว่าใช้ได้ดีเลย ดีมากด้วย คุณน้าสมใจมีสีหน้าประหลาดใจ พร้อมกับทบทวนให้ฟังว่า ตั้งแต่เธอปรับปรุงร้านใหม่ แล้วดึงเครื่องใหม่อันนี้ออก ก็เกิดเหตุการณ์ต่างๆทันที เธอเกือบทิ้งไปแล้ว แต่เกรงใจลูกชาย ก็เลยยังเก็บไว้

ปัจจุบัน กิจการเธอฟื้นคืนมาเหมือนเดิม ขยายเปิดแผนกเสื้อผ้าเพิ่มขึ้นอีกด้วย ใครจะไปรู้ว่า ฤทธิ์เดชของเครื่องหมายลูกเสือจะมีมากขนาดนี้ คุณน้าสมใจขัดเครื่องหมายอันนี้เป็นเงาใส เห็นแต่ไกลมาตลอดจนทุกวันนี้

ทางสามแพร่ง ตอนที่ 1


ฮวงจุ้ยบ้าน, ฮวงจุ้ยคอนโด, ฮวงจุ้ยร้านค้า, ฮวงจุ้ยห้องนอน, สามแพร่ง

มีคนสงสัยมากมายเรื่องทางสามแพร่ง ว่ามีผลร้ายประการใด มีข้อยกเว้นบ้างหรือไม่ และมีทางแก้ไขอย่างไร

อันที่จริง ยังมีคนอีกมากมายที่ได้รับประโยชน์จากการอาศัยอยู่บ้านตรงทางสามแพร่ง ซึ่งจะขอยกตัวอย่างให้ไปเปรียบเทียบและศึกษากัน

อาจารย์ได้รับเชิญไปถกปัญหาแบบปุจฉา-วิสัชนากับนายตำรวจและนายทหารชั้น ผู้ใหญ่ และมีคำถามเกี่ยวกับเรื่องทางสามแพร่ง ผู้ถามมียศถึงพลเอก ท่านบอกว่าท่านอยู่บ้านตรงทางสามแพร่ง ไม่ทราบจะมีผลร้ายประการใด เมื่อรับราชการมาถึงระดับยศชั้นผู้ใหญ่ได้อย่างตลอดรอดฝั่ง คำตอบคงต้องไปในทางดีอย่างแน่นอน จึงเรียนไขข้อข้องใจไปว่า

ทางสามแพร่ง เป็นลักษณะของพลังที่รุนแรง หรือเปรียบเทียบกับกระแสน้ำ 3 สายไหลมาปะทะกัน หรือถนนวิ่งตรงดิ่งเข้ามาสู่บ้านเรา เป็นลักษณะแข็งกร้าว รุนแรง ถ้าดวงชะตาชีวิตของผู้อยู่อาศัยมีกำลังอ่อนหรือประกอบอาชีพใดๆ ที่ขาดพลัง ย่อมได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน แต่สำหรับท่านนายพลรับราชการทหาร เกี่ยวพันกับอาวุธและอยู่ในแนวแข็งกร้าว กลับส่งผลให้ท่านเด่นในชีวิตราชการ อีกทั้งเครื่องแบบของท่าน มีทั้งเครื่องหมายปืนและเสือคาบดาบ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์คล้ายเสือคาบดาบที่ป้องกันภูตผีปีศาจของจีน เทียบเท่ายันต์โป๊ยข่วย

ซ้อหงส์ ประกอบอาชีพขายยางรถยนต์อยู่ตรงทางสามแพร่ง ใครมาใครก็ทักว่าอยู่ทางสามแพร่งไม่ดี แต่อาซ้อกลับขายได้ขายดีทุกวัน แสงไฟที่ส่องมาหน้าร้านจากทางสามแพร่ง เสมือนกับรับพลังส่งเสริมการขายตลอดเวลา ถ้าขี้เกียจขายดีเมื่อไหร่ก็ค่อยย้าย

คุณจรัส มีอาชีพขายโลงศพตรงทางสามแพร่ง จังหวัดสระบุรี ขายดิบขายดี มีการสั่งโลงทุกวัน จนขยายโรงงานและขยายสาขาไปแถบสระบุรี ลพบุรี ขยายสาขาไปทั่ว มีคนมาทักเรื่องทางสามแพร่งจนเจ้าตัวหลงเชื่อ ย้ายออกมาตั้งที่ใหม่ ปัจจุบันการค้าตก ต้องยุบสาขา ยุบโรงงาน เมื่อมาหาอาจารย์ สิ่งเดียวที่แนะนำได้ คือพยายามย้ายกลับไปที่เดิม ซึ่งขณะนี้กำลังติดต่อซื้อที่เก่ากลับคืน

คุณอ้อยเพื่อนอาจารย์ ขอให้อาจารย์ไปช่วยดูร้านตัดเสื้อของเพื่อนที่พิษณุโลก ซึ่งตั้งอยู่ตรงทางสาม แพร่ง ประตูร้านตรงกับถนนที่พุ่งตรงมา แถมเพื่อนของเธอคนนี้ นั่งเย็บผ้าตรงประตูพอดี ความจริงร้านตัดเสื้อร้านนี้เป็นร้านเล็กๆ แต่กิจการค้าดีมาก เจ้าของนั่งทำแพตเทิร์น ตัดกระดาษ ถือเข็ม กรรไกร ซ่อมเสื้อ อยู่ตรงประตู ความจริงน่าจะเป็นคนสุขภาพไม่ดี กลับอ้วนท้วนแข็งแรง อารมณ์ดี เธอถือเข็มกรรไกร อาวุธอันวิเศษสุด ชี้ไปที่ประตูทุกวัน ทางสามแพร่งจึงทำอะไรเธอไม่ได้เลย

มูลนิธิ สมาคมบรรเทาสาธารณภัยต่างๆ เป็นแหล่งที่คนมีความทุกข์หลั่งไหลเข้ามาขอความช่วยเหลือ ผู้ที่ทำงานสถาบันเหล่านี้จึงไม่มีอันตราย แต่งานจะเยอะกว่ามูลนิธิ สมาคม ที่ตั้งอยู่บนถนนปกติธรรมดา เช่นเดียวกับผู้ที่ประกอบอาชีพขายวัสดุก่อสร้าง ร้านตัดกระจก ขายมีด โลหะ หรืออาชีพที่อยู่ในแนวแข็งกร้าวทุกชนิด



รูปทรงที่ดิน


ฮวงจุ้ย, ฮวงจุ้ยบ้าน, รับดูฮวงจุ้ย, แก้ฮวงจุ้ย, ฮวงจุ้ยธุรกิจ, อาจารย์แอน

ที่ดิน รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เป็นที่ที่ดูอุดมสมบูรณ์ เป็นธาตุไม้ ดาวพุธ ควรปลูกพันธุ์ ไม้เพื่อให้ถูกโฉลกกับที่ดิน และถ้าเพิ่มตำแหน่งน้ำพุเล็กๆให้บ้านมีความกระจุ๋มกระจิ๋ม เพิ่มไม้ดอกเล็กๆ มีลักษณะดาวจันทร์มาผสม จะทำให้มีผู้อุปการะและมีความเจริญ พบกับสิ่งที่ดี อุปสรรคใดๆ ก็จะสามารถแก้ไขได้


ดูฮวงจุ้ย, เสริมฮวงจุ้ย, ฮวงจุ้ยสุสาน, ฮวงจุ้ยพยากรณ์, ฮวงจุ้ยที่ดิน, อาจารย์แอน

ที่ดิน ที่มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ควรระมัดระวังในการปลูกต้นไม้ อย่าปลูกต้นไม้ที่ดูแลยาก มีใบไม้ร่วง หรือตอ ที่ดินลักษณะนี้ไม่ควรดูแห้งแล้ง ต้องทำให้สดชื่น ควรปลูกไม้ดอกสีขาวและต้นไม้ที่มีใบสีเขียวอ่อน เช่น ต้นแสงจันทร์ ราชินีสีทอง จะลดความเหน็ดเหนื่อย หรือความตึงเครียดในทุกๆเรื่อง


ฮวงจุ้ยเสริมดวง, แต่งบ้านเสริมฮวงจุ้ย, ฮวงจุ้ยเข้าใจง่าย, ดวงจีน, ฤกษ์ยาม

ที่ดิน เป็นลักษณะธาตุไฟ ควรติดไฟด้านมุมแหลมหลังบ้าน และปลูกไม้ใหญ่ที่เป็นพุ่ม หน้าบ้านควรมีส่วนที่ทำสวนญี่ปุ่น จัดสวน มีตุ๊กตาสวน ภายในบ้านจัดเป็นแนวกระจุ๋มกระจิ๋ม มีของกระจุกกระจิกโชว์ จะได้โชคได้ลาภอยู่เป็นประจำ


ซินแสฮวงจุ้ย, ดวงจีน, โหราศาสตร์จีน, ฮวงจุ้ยเสริมโชค, อาจารย์แอน

ที่ดินที่มีลักษณะขาด ให้ทำสวนหย่อมในส่วนที่เกิน และติดไฟตรงมุม


ฮวงจุ้ยโชคลาภ, บ้านกับฮวงจุ้ย, จัดบ้านเสริมฮวงจุ้ย, ฮวงจุ้ยเตียงนอน, เฟอร์นิเจอร์

ที่ดินที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านไม่เท่า ให้ทำแนวเป็นถุงเงินด้วยกระถางต้นไม้หรือทางเดิน

การ ปรับรูปที่ดิน ให้ยึดหลักสมดุลกลมกลืน ดูแล้วสบายตาสบายใจ ก็สามารถแก้ไขได้ในขั้นพื้นฐาน เช่นเดียวกับการปรับทำเลในบ้าน ต้องดูโล่ง ดูแล้วสบายตาสบายใจ เป็นระเบียบ มีที่มีมุมสำหรับทุกคน แม้บ้านจะเล็กจะแคบ จุดที่เป็นที่รวมของคนในบ้านต้องเด่น และเชิญชวนให้ทุกคนมารวมกัน

การสังเกตทำเลอย่างง่าย ตอนที่ ๒

ขั้นต่อไป ให้สังเกตทำเลภายนอกว่ามีภัยคุกคามหรือเปล่า เช่น บ้านตั้งอยู่บนทางสามแพร่งหรือไม่ หากตั้งอยู่บนทางสามแพร่ง เรามีอาชีพอะไรสอดคล้องกับทางสามแพร่งหรือเปล่า เช่น ขายมีด โลหะ เป็นทหารหรือตำรวจ ถ้ามีอาชีพที่อ่อนโยนไม่เข้ากับทางสามแพร่งที่แรง ก็ควรปลูกแนวต้นไม้ขวางไว้

ถ้าหน้าบ้านเรามีเสาไฟตั้งขวางกลางประตู ให้ปลูกต้นไม้สองข้างของประตู เปรียบเสมือนไม้ผู้พิทักษ์

ถ้าประตูหน้าบ้านของเราตรงกับประตูหน้าบ้านคนอื่น ให้แขวนคริสตัลบอล ทรัพย์จะได้ไม่ไหลออก ถ้าบ้านตรงข้ามเขาแขวนไว้เรียบร้อยแล้ว เราก็ไม่ต้องแขวน เป็นอันว่าดีทั้งสองบ้าน

หน้าบ้านเรามีสะพานลอยหรือมีถนนลอยฟ้าตัดผ่าน ให้ปลูกต้นไม้นานาชนิดไว้หน้าบ้าน

ให้ดูรอบๆบ้านเราด้วยว่า มีตอไม้ ต้นไม้แห้งตาย ใบไม้ร่วงหล่น ต้องจัดการให้สดชื่น อย่าให้ดูเหี่ยวแห้ง ควรเลือกปลูกต้นไม้ที่แข็งแรง ใบไม้ไม่ร่วงง่าย และกิ่งไม้ไม่เหี่ยวแห้งง่าย สะดวกต่อการดูแล

ถ้าบ้านพักอาศัยของเราอยู่ใกล้โรงพยาบาล สถานีตำรวจ วัด การจัดทำเลภายในต้องเป็นหยาง เพราะทำเลภายนอกเป็นหยินไปหมด เมื่อเราเดินผ่านหยินเข้าไปในบ้านที่เป็นหยาง ก็จะเกิดความสมดุล

ไม่ควรทำกำแพงสูงเกินไป จะกีดกันตัวเองจากโลกภายนอก หรือสร้างกำแพงล้อมบ้าน ติดกับบ้านเกินไป กิจการงานจะไม่ราบรื่น หากเรามีบ้านที่มีกำแพงลักษณะอย่างนี้ ให้ทาสีกำแพงอ่อนๆ เป็นสีขาว สีครีม นำไม้เลื้อยมีดอกมาพาดกำแพง

หากหน้าบ้านเรามีน้ำสกปรกแช่ขังอยู่ อาจเกิดอันตรายกับคนในบ้าน วิธีแก้ไขคงต้องใช้ต้นไม้อีกตามเคย ปลูกไว้หน้าบ้านเป็นพุ่มใหญ่ ภายในบ้านมีตู้ปลา หรือน้ำพุ ต้องเป็นน้ำดี น้ำใส ให้เราดูแล้วสบายใจ

การแก้ไขและปรับทำเล จะต้องเช็คดวงชะตาของผู้อยู่อาศัยด้วย และต้องทำให้สอดคล้องกัน จึงจะบังเกิดผลมากที่สุด สิ่งที่เด่นต่อสายตา จะมีผลกับผู้คนมากที่สุด จึงต้องเพ่งเล็งความเด่นของสิ่งของต่างๆรอบตัวเราให้ดี

เป็นนักเรียน นักศึกษา ควรให้โต๊ะหนังสือเด่นที่สุดในห้อง น่านั่ง น่าอ่านหนังสือ จนไม่อยากลุกไปไหนเลย

เป็นแม่บ้าน ควรมีมุมสงบของตนเอง ที่ดูทีวี ฟังวิทยุ อ่านหนังสือ และทำครัวให้สะอาด น่าเข้าไปใช้จับต้อง

สำหรับพ่อบ้าน ก็ต้องมีมุมพักผ่อนและมุมทำงานที่ถูกต้องตามทำเลและวงจรชีวิตของตนเอง

อย่างนี้ บ้านจะสมบูรณ์ มีทำเลสำหรับทุกคน

การสังเกตทำเลอย่างง่าย ตอนที่ ๑

บุคคลส่วนใหญ่ มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับเรื่องทำเลที่อยู่อาศัยของตนเอง เพราะมีความสงสัยว่า ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งมาจากทำเลหรือเปล่า จึงอยากให้มีวิธีการเช็คทำเลของตนอย่างง่ายๆ

หากทำเลเราเริ่มเสีย สิ่งแรกที่จะเกิดขึ้น คือ ปัญหาสุขภาพ โดยจะเริ่มจากผู้ที่มีดวงอ่อนก่อน ถ้าบ้านที่มีเด็ก เด็กก็จะเริ่มป่วยเป็นภูมิแพ้ ถ้าเป็นคนชรา ก็จะปวดขา ปวดเอว ปวดหลัง ปวดไหล่ ปวดตามเนื้อตัว ตามลำดับ

ขั้นแรก ควรจับสังเกตความเป็น หยิน-หยาง ในบ้านก่อน ว่าสมดุลกันหรือไม่ เช่น บ้านมืดเกินไป มีพันธุ์ไม้รกครึ้ม ไฟไม่สว่างหรือไฟเสียเป็นประจำ ทางเดินในบ้านเป็นซอกหรือแคบ เดินเลี้ยวลดคดเคี้ยวเป็นซอกมุม ในบ้านมีผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ต้นไม้มักมีลั่นทม ต้นไทร ต้นแสงจันทร์อยู่ในบ้าน อย่างนี้แสดงว่าบ้านมีสภาพเป็นหยิน ถ้าน้ำรั่ว แอร์เสีย ชักโครกติดขัด คราวนี้การเงินก็จะเริ่มติดขัด ทำอะไรก็จะมีอุปสรรคไปหมด

การแก้ไขปรับแต่งต้องให้สมดุล โดยเอาหยางเข้า ติดโมบายล์หรือกระดิ่งลมแขวนไว้รอบๆบ้าน บริเวณบ้านเพิ่มพันธุ์ไม้ดอก เช่น ผกากรอง ดาวเรือง ดอกเข็ม ยกเว้นเฟื่องฟ้า เพราะเฟื่องฟ้าเป็นไม้พิษ สามารถใช้ในสถานที่กว้างๆ สถานที่ท่องเที่ยว หรือสถานที่ราชการ ไม่ควรเอาไว้ในบ้านที่มีบริเวณแคบ

การเพิ่มตำแหน่งน้ำที่มีการเคลื่อนไหว เช่น น้ำพุ น้ำตก หรือตู้ปลาในบ้าน ใช้เครื่องเสียงเปิดเพลงในยามที่เราอยู่ หรือเปิดทั้งวันถ้ามีคนอยู่ในบ้าน ใช้นาฬิกาที่มีลูกตุ้ม หรือนาฬิกาที่มีเสียงบอกเวลาทุกชั่วโมง เพิ่มแจกันดอกไม้สีสดๆวางตามจุดต่างๆในบ้าน เปลี่ยนไฟในบ้านให้สว่างขึ้น ก็เป็นการทำบรรยากาศในบ้านให้สมดุลขึ้น

บ้านของคุณสุนทรี ดูอบอุ่นเพราะมีลูกอยู่ในวัยปฐม แต่ที่บ้านจะมืดครึ้มและใช้เฟอร์นิเจอร์ใหญ่โตเกินตัวเด็ก เด็กๆเป็นภูมิแพ้ผลัดกันป่วยทั้งปี แสดงว่าบ้านหลังนี้หยินเข้า การปรับแต่งแก้ไข คือการนำหยางเข้า เปลี่ยนสีเฟอร์นิเจอร์ให้สีอ่อนลง เพิ่มดอกไม้ โมบายล์ จัดห้องลูกให้โปร่ง ข้าวของบางชิ้นที่ไม่จำเป็น อย่าปล่อยให้ระเกะระกะ เก็บใส่กล่องให้เป็นระเบียบเรียบร้อย

หลังจากจัดเสร็จ เด็กๆซึ่งต้องไปหาหมอเป็นประจำเป็นปีๆ ก็หายป่วยเป็นปลิดทิ้ง เพราะเมื่อสภาพแวดล้อมสมดุลกลมกลืนแล้ว สภาพร่างกายก็พลอยปรับให้สมดุลไปด้วย อาการเจ็บป่วยก็หายไป

หลักการจัดบ้านเบื้องต้น

การวางทำเลต่างๆ ต้องใช้หลักฟ้าประทาน ดินบันดาล ประสานบุคคล ต้องเช็คดวงชะตาของแต่ละคนให้ดีว่า มีดวงชะตามาอย่างไร ฟ้าประทานมาแค่ไหน ต้องเผชิญเหตุการณ์อย่างไร ชะตาชีวิตจะดำเนินไปถึงไหน
หลังจากนั้นจึงวางทำเลให้สอดคล้องกับดวงชะตา ให้บรรเทาความแรงของชะตากรรม แม้จะต้องเผชิญบ้าง แต่ก็ให้มีคนมาช่วยเหลือ จากนั้น ต้องเช็คดวงดาวในขณะนั้นว่า มีอิทธิพลอย่างไรกับเจ้าตัว ต้องแนะนำวิธีปฎิบัติให้สอดคล้องกับวิถีดวงดาวที่เข้ามาในขณะนั้น


หากชีวิตของเราอยู่สุขสบายมาเรื่อยๆ บ้านก็อยู่อย่างสบายมาโดยตลอด จู่ๆ ก็มีเหตุเกิดขึ้นต่างๆนานา สัตว์เลี้ยงล้มตาย คนในบ้านเริ่มเจ็บป่วยออดๆแอดๆ หรืออาจมีบางคนตกงาน คนในบ้านไม่ปรองดอง ทะเลาะเบาะแว้ง ความคิดไม่ลงรอยกัน แสดงว่าต้องมีความผิดปกติซักอย่างในบ้าน เช่น ปรับเปลี่ยนทำเลในบ้าน ย้ายห้องนอน ต่อเติมใหม่ เปลี่ยนหัวเตียง หรือไปได้พืชพันธุ์ไม้ โต๊ะไม้ขนาดมหึมามาไว้ในบ้าน ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ลดสภาวะสมดุลย์กลมกลืนไปโดยไม่รู้ตัว หรือปล่อยให้บ้านรกร้าง ขาดความเอาใจใส่ พลังหยินซึ่งเป็นพลังแห่งความเงียบ ความตาย เจ็บไข้ได้ป่วย ถ้าพลังหยินเข้าบ้านมากไปก็จะเกิดเหตุนานาดังที่ได้กล่าวมาแล้ว

เมื่อเกิดภัยต่างๆ หรือเรารู้สึกไม่ค่อยดี เมื่อเราเข้ามาในบ้าน จงเชื่อสัมผัสตนเอง ค่อยๆพิจารณาดูว่า สิ่งที่เปลี่ยนแปลงในบ้านในทางที่ไม่ดีนั้น มันมาจากอะไร มันเริ่มเมื่อไหร่ เมื่อเราต่อเติมบ้าน หรือตั้งแต่เราเปลี่ยนห้องนอน ย้ายห้องพระ ต้องหัดสังเกตความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ให้ดี

หลักการปรับทำเล หลังจากการสังเกตสิ่งผิดปกติแล้ว ควรปรับให้เกิดความรู้สึกสมดุล โดยเอาความรู้สึกของตนเองเป็นเครื่องวัดเป็นลำดับแรก เช่น หากเราเป็นคนที่ชอบอะไรโล่งๆ โปร่งๆ เมื่อมีสิ่งอื่นเข้ามาในบ้าน ทำให้ความรู้สึกของเราไม่โปร่ง เราก็จัดวางใหม่ หมุนไปหมุนมา ให้เกิดความรู้สึกที่โล่งๆ โปร่งๆ ของเรากลับคืนมา

หากเราต่อเติมแล้ว ทำให้บางส่วนของห้องมืดทึบไป ก็ต้องใส่แสงไฟหรือใส่โทนสีให้สว่างขึ้น หากย้ายที่ตั้งพระ ให้ลองทำสมาธิดู ถ้าไม่รู้สึกสะดวกหรือไม่รู้สึกว่าสมาธิจะดีขึ้นกว่าเดิม ก็ต้องจัดให้ความรู้สึกเดิมๆของเราดีขึ้น

ถ้าบ้านของเราอยู่กันอย่างสงบ อยู่ๆก็มีเหตุทะเลาะเบาะแว้งกัน จงสังเกตว่ามีใครนำอะไรใหญ่ๆแปลกๆเข้ามาว่างในบ้านก็ต้องเอาสิ่งเหล่านั้น ออกไป



ปราณกับที่อยู่อาศัย ตอนที่ ๒

จากประสบการณ์ในการเดินทางร่วมกับคนหมู่มาก ถ้าเดินทางไปกับคนรุ่นใหม่ จะมีความรู้สึกว่าหยางแรง มีการรวมพลัง อาจเสียงดังไปกล้ำเกินคนอื่น ล่วงเกินคนอื่น ขาดความสังเกต ขาดความละเอียดในการมองคนรอบข้างว่ารู้สึกกับตนเองอย่างไร ในขณะที่กลุ่มของคนที่ถูกมองว่าโบราณ คร่ำครึ งมงาย ไร้สาระ จะเรียบร้อย ก็เคยเดินทางไปกับกลุ่มคุณหมอแผนโบราณ จะมีความเกรงอกเกรงใจคนรอบข้าง สุภาพเรียบร้อย ปฏิบัติตามกฎระเบียบ โดยเฉพาะในเที่ยวบิน อย่างเช่นว่าก่อนเครื่องบินลงจอด อย่าลุกขึ้นมา กลุ่มที่หยางแรง จะลุกขึ้นมาในขณะที่เครื่องบินยังไม่ทันจอด แต่กลุ่มที่หยินแรง ๆ กลุ่มคนโบราณกลับนั่งเรียบร้อยและปฏิบัติตามกฎ ว่านอนสอนง่าย จึงไม่รู้ว่าวัฒนธรรมของคนสมัยใหม่เจริญหรือถอยหลัง กับคนอีกกลุ่มหนึ่งที่บอกว่าศึกษาศาสตร์โบราณ แต่มีวัฒนธรรมที่ก้าวหน้า ฝากให้เป็นข้อคิดว่า เราควรจะหันมาศึกษาศาสตร์โบราณว่าเขาสอนอะไร สอนให้คนเป็นผู้ดี และศาสตร์สมัยใหม่สอนให้คนเป็นอะไร ถึงได้ออกมาทิ่มแทงเกะกะ เสียวัฒนธรรมของไทย

ย้อนกลับมาเรื่องเป้าหมายของศาสตร์ฮวงจุ้ย อยู่ที่ทำให้ปราณในบ้านและนอกบ้านถ่ายเทสะดวก ทำให้ชี่ภายในร่างกายของเรากับบ้าน กับการประกอบอาชีพ การเคลื่อนไหวสอดคล้องกัน ซึ่งปราณตัวนี้เรามองไม่เห็น เราก็มองว่าเป็นเรื่องไสยศาสตร์หรือเปล่า แต่ขอให้ศึกษาอย่างลึกซึ้ง อย่าศึกษาแบบที่เรียกว่าเอาสิ่งอภินิหารเข้ามาเจือปน หรือมีเทพดลบันดาล การสอดคล้องตัวนี้ ถ้าเรามองในแง่ของวิทยาศาสตร์ อย่างคนที่ชอบเคลื่อนไหว เวลาอยู่บ้านก็ต้องจัดเฟอร์นิเจอร์แบบที่เรียกว่าตัวเองเคลื่อนไหวสะดวก และดูโล่งโปร่ง ๆ สบาย ๆ คนที่ชอบดู นั่ง คิด ถ้าเดินมากจะเสียเวลา ชอบบ้านที่เล็ก ๆ กะทัดรัด ออกไปทำงานก็อยู่ในห้องทำงานเล็ก ๆ และมีสมาธิ อันนี้คือความสอดคล้อง บางคนอยู่ที่บ้านรกอย่างไร ที่ทำงานก็รกอย่างนั้น คือนิสัยส่วนตัว อยู่ที่ไหนก็เหมือนกันหมด แต่ไม่ว่าจะเป็นวิทยาศาสตร์งมงายหรือโหราศาสตร์งมงาย ถ้าเราเข้าบ้านแล้ว บ้านสะอาด สบายตา สบายใจในความชอบของตน เราก็สบายใจ แต่ถ้ากลับเข้ามาในบ้าน เราเห็นสิ่งที่ไม่ชอบคาอยู่หน้าประตู ก็จะรู้สึกหงุดหงิดไปตลอดจนถึงห้องนอน ก็จะต้องทะเลาะกัน อย่างนี้ทางโหราศาสตร์เรียกว่า "ปราณ"  ทางวิทยาศาสตร์เรียกเพียงว่า บ้านรกไม่ถูกใจ

ถ้าสมมุติการหมุนเวียนของเรา เรามาจากในที่ ๆ เป็นหยางเต็มที่ ถ้าเราเข้ามาบ้าน มาที่สงบ เยือกเย็น สบายตาสบายใจ ก็เกิดความสมดุลระหว่างการเคลื่อนไหวและสงบนิ่ง การพูดแบบนี้ เป็นการพูดแบบปรัชญาและลึกซึ้ง ก็มีคำพังเพยเก่าแก่ที่บอกว่า "ประตูรับความรุ่งเรืองแห่งฤดูกาล บ้านเรือนรับความมั่งคั่งแห่งทิศ"  เพราะประตูเป็นตัวที่เปิดออกไปเจออะไรก่อน ที่จะทำให้เราอารมณ์รื่นรมย์ เข้าบ้านมาเราเจออะไรที่ทำให้สบายใจ บ้านเรือนเราตั้งอยู่ในทิศทางที่ถูก อับลมหรือเปล่า ติดแอร์ทุกทิศทุกทาง แต่ยังดูอึดอัด หรือว่าเข้าบ้านมาแล้ว รู้สึกไม่ขัดกับธรรมชาติ อยู่แล้วสบายใจ ไม่ฝืน เหมือนกับรับความมั่งคั่งแห่งทิศ คืออยู่บ้านที่มีธาตุลมดี ธาตุอะไรต่าง ๆ มีความสมดุล จึงอยากบอกว่าสิ่งที่เราเชื่อหรือที่เราคิด ไม่ว่าจะเป็นวิทยาศาสตร์งมงาย หรือโหราศาสตร์ ก็เป็นเรื่องเดียวกัน เพียงแต่เราเพิ่มความละเอียดของความเข้าใจในปรัชญาการดำเนินชีวิตของคนโบราณ ให้มากขึ้น โดยตัดเอาน้ำหรือสิ่งคิดว่าเป็นวิชาที่งมงายออกไป เพราะเป็นวิชาที่มีหลักการที่ต้องเรียนรู้

ในหลักของฮวงจุ้ย ทุกสายทุกสำนักจะเหมือนกันหมด คือต้องดึงกำลังใจของบุคคลผู้อยู่อาศัยหรือผู้ประกอบการออกมาให้ได้ก่อน ถ้าซินแสไม่สามารถพูดคุยจนคนมีกำลังใจขึ้นมาได้ การวางฮวงจุ้ยตรงนั้นไม่มีประโยชน์ เหมือนกับคนที่ไม่ปรารถนาจะมีชีวิตอยู่ แต่เป็นโรคภัยไข้เจ็บ รักษาเท่าไรก็ไม่ขึ้น เพราะกำลังใจไม่มี หรือคนบางคนเป็นโรคร้าย แต่มีกำลังใจมากมายมหาศาล จะมีพลังตัวหนึ่งเกิดขึ้น กระตุ้นแรงของชีวิตขึ้นมา ฉันใดฉันนั้นในการที่คนที่เราประสบปัญหา ถ้ามีกำลังใจ อย่างไรก็สู้ได้

เพราะฉะนั้นในหลักของฮวงจุ้ยขั้นต้นของทุกสายทุกสำนัก ต้องดึงกำลังใจของคนขึ้นมาก่อน กำลังใจของคนก็มีหลายระดับ บางคนบอกว่า จะมีกำลังใจต่อเมื่อมีเทพมาช่วยเหลือ บางคนกำลังใจอยู่ที่คนที่รักรอบข้าง อยู่ที่คำพูด อยู่ที่การชี้ให้เห็น ขึ้นอยู่กับว่าซินแสแต่ละคนที่จะมองว่าเขาต้องการอะไร และต้องดึงสิ่งที่ขาดขึ้นมาให้ได้ก่อน หลังจากนั้น พอเขามีพลังใจที่จะพูด ที่จะคิด ที่จะทำ เราถึงจะค่อย ๆ ดำเนินการแก้ไข ลักษณะของสิง หรือ วัตถุต่าง ๆ ในแต่ละสำนัก เป็นวิธีการที่ทำให้คนแต่ละคนรู้ว่ามีคนที่จะช่วยเหลืออยู่ เขาไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก แต่อยู่ที่ว่าใครจะยอมรับศาสตร์แต่ละแบบตามจริต พุทธศาสนายังมีตั้ง 6 จริตในการปฏิบัติ เพราะฉะนั้นจึงดูถูกกันไม่ได้ เรียนรู้ได้ทุกสายทุกศาสตร์ยิ่งดี เพราะจะได้เข้าใจคนทุกประเภทที่มาหาเรา ว่าเขาต้องการอะไร จะไปยึดว่าของตัวเองถูกต้องทั้งหมดก็ไม่ได้ เพราะว่าความต้องการของคนไม่เท่ากัน


ฮวงจุ้ยเสริมดวง, แต่งบ้านเสริมฮวงจุ้ย, ฮวงจุ้ยเข้าใจง่าย, ดวงจีน, ฤกษ์ยาม