ศาสตร์ที่ว่าด้วยทำเล กำหนดว่าโลกนี้ประกอบไปด้วย 5 ธาตุ
หรือที่เรียกว่าเบญจธาตุ ได้แก่ น้ำ ไม้ ไฟ ดิน และทอง ปราณหรือชี่ คือ
ลมหายใจของจักรวาล มีกระแสอยู่รอบ ๆ ตัวเรา
มีทั้งอากาศที่เคลื่อนไหวและไม่เคลื่อนไหว โดยปราณหรือกระแสที่อยู่รอบ ๆ
ตัวเรา กับปราณที่อยู่ภายในตัวเรา ต้องมีอะไรที่สอดคล้องและกลมกลืนกัน
เราถึงอยู่อย่างสบาย อยู่แล้วเจริญ ซึ่งในปัจจุบันรวมไปถึงการทำงานด้วย คือ
กระแสในที่ที่เราต้องไปทำงาน ทำงานประเภทไหน เหมาะกับสิ่งที่เราเคยชิน
คุ้ยเคย ถ้าเกิดปราณทั้งหมดรวมกันเป็นหนึ่งเดียว นั่นคือความเจริญ
ซึ่งจะประกอบไปด้วย ฟ้าประทาน ถ้าสภาพดินฟ้าอากาศ ทำเลที่อยู่อาศัย
อาชีพที่เราประกอบการ กับสิ่งที่อยู่ภายในตัวเราสอดคล้องกันหมด ก็จะมีพลัง
สรุปแล้วคือ ถ้าหากเรามีความเข้าใจในธรรมชาติแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างจะสอดคล้องและทำให้เกิดพลังในตัวเรา
ก่อนอื่นต้องสังเกตรอบ ๆ ตัวเรา มีธาตุอะไรที่แรงที่สุด
อย่างบางคนอยู่บ้านที่มีบริเวณ มีสวน หรือชอบทำสวน อันนี้คือธาตุไม้เด่น
บางคนอยู่บ้านที่เป็นคอนกรีต ซีเมนต์ ปูหินอ่อน ปูแกรนิต
ก็มากไปด้วยธาตุทอง หรือบางแห่งเต็มไปด้วยแสงสี
ตอนกลางคืนยังเปิดไฟสว่างไสว อาจเป็นเขตที่ทำการค้าเหมือนกับเยาวราช
หรือมีคนพลุกพล่านตลอดเวลา ติดกับวัด ติดกับสถานที่ราชการ
ก็ถือว่ามากไปด้วยธาตุไฟ บางแห่งอยู่ติดแม่น้ำ อยู่กับเขา อยู่ตึกสูง ๆ
ก็มากไปด้วยธาตุลม
ถ้าหากบ้านของเราอยู่ในที่ลมแรง ลมพัดจัด
อย่างเช่นบ้านติดทะเล หรือปลูกบ้านอยู่ในทิศทางลม
จะทำให้ธาตุลมภายในตัวเราแข็งแกร่งไปด้วย จะเป็นคนสู้ชีวิต
ไม่ว่าเพศใดจะมีอารมณ์โผงผางรุนแรง มีอิสระทางความคิด ไม่ซับซ้อน
ตามธรรมชาติตัวบ้านที่อยู่ในทิศที่ลมแรง จะต้องมีเสาเรือน หลังคาบ้าน
หรือตัวบ้านที่ดูหนักแน่น มั่นคง เพื่อยืนหยัดสู้กับพายุ
สาเหตุนี้พลอยทำให้อารมณ์ของผู้อยู่อาศัยหนักแน่น มั่นคง
และแข็งแกร่งไปด้วย เหมือนกับเราขาดธาตุแต่ถ้าแก้ด้วยความหนักแน่นของหลังคา
โครงสร้างแล้ว แสดงว่าเราได้ทั้งดินและทอง
สมมุติเรามีธาตุลมในตัวอ่อน แต่ชอบอยู่บ้านติดชายทะเล
หรือชอบอยู่ในที่ลมแรง แสดงว่าธาตุภายในตัวอ่อนกว่าสภาพแวดล้อม
หรือพัฒนาตัวเองไม่ทัน เราก็อยู่ไม่ได้นาน
มีอันต้องโยกย้ายถิ่นฐานออกจากตรงนั้น ขณะเดียวกันคนที่มีธาตุแข็ง
มีกำเนิดในถิ่นที่จะต้องมีการต่อสู้ อาจจะเป็นธาตุทอง เป็นทหาร
หรือว่าอยู่ในเมือง หรืออยู่ในที่ที่มีลมทะเลแรง ๆ
แล้ววันหนึ่งเกิดไปอยู่บ้านสวน คน ๆ นี้มักจะปลูกต้นไม้ดอกไม้ไม่ค่อยขึ้น
ต้องไปอยู่กับสวนไม้สัก สวนที่ดูหนัก ๆ พอกัน เพราะธาตุไม่เท่ากัน
อย่างผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง อยู่ในสายตุลาการ
เมื่อเกษียณได้ไปปลูกบ้านอยู่ต่างจังหวัด ท่านชอบปลูกต้นไม้เล็ก ๆ
ไม้ดอกไม้ประดับ ไม้พุ่มเตี้ย
เพราะว่าท่านใช้วิชาการตัดสินคดีความมาโดยตลอด ธาตุในตัวอ่อน
ถ้าไปอยู่บนยอดเขา ต้องได้รับแนวโอบของเขา ถ้าธาตุในตัวอ่อน
ธรรมชาติก็ต้องเข้มแข็งปกป้อง แต่สภาพแวดล้อมใกล้ตัว ก็คืออ่อนโยน
ดังนั้นความแตกต่างของธาตุหรือว่าปราณในตัวกับปราณภายนอกต้องพิจารณาอย่าง
ละเอียดถี่ถ้วน หากเรามีธาตุที่เข้มแข็ง ต่อสู้ และไปอยู่ในที่ที่แรง ๆ
เช่น สามแพร่ง ที่ลมแรง
จะไม่ได้เรียกว่าชี่สังหารแต่เรียกว่าธาตุส่งเสริมกัน
แต่ถ้าเราเป็นคนธาตุอ่อน เราเกิดในสภาพแวดล้อมหรือชี่ภายในอ่อนโยน
เราไปอยู่ในที่แรง ๆ ก็เรียกว่าโดนชี่สังหาร
แต่ถ้าเกิดเราเป็นคนเข้มแข็ง เราไปอยู่ในที่อ่อน ๆ
ที่อ่อนนั้นจะรองรับงานเราไม่ได้ ก็จะโค่นลงหมด อย่างเช่น
คนที่ทำงานบริษัทก่อสร้าง หรือทำงานบริษัทใหญ่ ๆ แต่ไปอยู่บ้าน 2 ชั้น
มีรั้วเตี้ย ๆ มีสวน มีดอกไม้ พอประมูลงานมา
บ้านนั้นก็รองรับสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ เพราะว่าปราณต่างกัน
หรือเจ้าของบ้านเป็นกัปตันเดินเรือทะเล เป็นชาวอเมริกัน อายุ 49-50 ปี
มีภรรยาเป็นคนไทย ภายในบ้านมีสวนเล็ก ๆ มีศาลา ปลูกไม้ดอกไม้ประดับทั่วบ้าน
ซึ่งกัปตันเดินเรือทะเล เปรียบเสมือนน้ำบวก ทำให้ธาตุน้ำแข็งมาก
เราก็ได้เพิ่มน้ำลบ เพื่อให้ความสมดุลย์กัน ก็คือน้ำไหลรินให้อ่อนโยน
ธาตุในตัวเขาเป็นคนชอบบริการ ชอบดูแล ก็เป็นธาตุน้ำ ก็สอดคล้องกับตัวเขา
หรือถ้าคน ๆ นั้นมีธาตุอ่อน เช่นเป็นธาตุไม้
ก็สามารถอยู่ในที่ปราณแข็งได้เหมือนกัน
ถ้าหากว่าในดวงชะตามีแนวโน้มว่าเป็นคนสู้งาน ก็เป็นไม้ยืนต้นที่หยั่งราก
ไม่ใช่ไม้ดอกที่อ่อนแอ ดังนั้นการจะอยู่ไม้หยั่งราก เราต้องดูบ้านที่มีฐาน
หลังคา โครงสร้างต่าง ๆ มั่นคง หรือบุคคลที่เป็นธาตุไฟ
ไปอยู่ในที่ปราณเข้มแข็ง ต้องเป็นคนที่มีธาตุไฟแข็งแกร่งในตัว
ต้องทำงานเกี่ยวกับการวิเคราะห์ มีหลักการ การวางแผน
เพราะฉะนั้นในพื้นที่หนึ่ง ๆ ไม่ได้เป็นอันตรายสำหรับคน ๆ หนึ่ง