หลักการจัดบ้านเบื้องต้น

การวางทำเลต่างๆ ต้องใช้หลักฟ้าประทาน ดินบันดาล ประสานบุคคล ต้องเช็คดวงชะตาของแต่ละคนให้ดีว่า มีดวงชะตามาอย่างไร ฟ้าประทานมาแค่ไหน ต้องเผชิญเหตุการณ์อย่างไร ชะตาชีวิตจะดำเนินไปถึงไหน
หลังจากนั้นจึงวางทำเลให้สอดคล้องกับดวงชะตา ให้บรรเทาความแรงของชะตากรรม แม้จะต้องเผชิญบ้าง แต่ก็ให้มีคนมาช่วยเหลือ จากนั้น ต้องเช็คดวงดาวในขณะนั้นว่า มีอิทธิพลอย่างไรกับเจ้าตัว ต้องแนะนำวิธีปฎิบัติให้สอดคล้องกับวิถีดวงดาวที่เข้ามาในขณะนั้น


หากชีวิตของเราอยู่สุขสบายมาเรื่อยๆ บ้านก็อยู่อย่างสบายมาโดยตลอด จู่ๆ ก็มีเหตุเกิดขึ้นต่างๆนานา สัตว์เลี้ยงล้มตาย คนในบ้านเริ่มเจ็บป่วยออดๆแอดๆ หรืออาจมีบางคนตกงาน คนในบ้านไม่ปรองดอง ทะเลาะเบาะแว้ง ความคิดไม่ลงรอยกัน แสดงว่าต้องมีความผิดปกติซักอย่างในบ้าน เช่น ปรับเปลี่ยนทำเลในบ้าน ย้ายห้องนอน ต่อเติมใหม่ เปลี่ยนหัวเตียง หรือไปได้พืชพันธุ์ไม้ โต๊ะไม้ขนาดมหึมามาไว้ในบ้าน ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ลดสภาวะสมดุลย์กลมกลืนไปโดยไม่รู้ตัว หรือปล่อยให้บ้านรกร้าง ขาดความเอาใจใส่ พลังหยินซึ่งเป็นพลังแห่งความเงียบ ความตาย เจ็บไข้ได้ป่วย ถ้าพลังหยินเข้าบ้านมากไปก็จะเกิดเหตุนานาดังที่ได้กล่าวมาแล้ว

เมื่อเกิดภัยต่างๆ หรือเรารู้สึกไม่ค่อยดี เมื่อเราเข้ามาในบ้าน จงเชื่อสัมผัสตนเอง ค่อยๆพิจารณาดูว่า สิ่งที่เปลี่ยนแปลงในบ้านในทางที่ไม่ดีนั้น มันมาจากอะไร มันเริ่มเมื่อไหร่ เมื่อเราต่อเติมบ้าน หรือตั้งแต่เราเปลี่ยนห้องนอน ย้ายห้องพระ ต้องหัดสังเกตความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ให้ดี

หลักการปรับทำเล หลังจากการสังเกตสิ่งผิดปกติแล้ว ควรปรับให้เกิดความรู้สึกสมดุล โดยเอาความรู้สึกของตนเองเป็นเครื่องวัดเป็นลำดับแรก เช่น หากเราเป็นคนที่ชอบอะไรโล่งๆ โปร่งๆ เมื่อมีสิ่งอื่นเข้ามาในบ้าน ทำให้ความรู้สึกของเราไม่โปร่ง เราก็จัดวางใหม่ หมุนไปหมุนมา ให้เกิดความรู้สึกที่โล่งๆ โปร่งๆ ของเรากลับคืนมา

หากเราต่อเติมแล้ว ทำให้บางส่วนของห้องมืดทึบไป ก็ต้องใส่แสงไฟหรือใส่โทนสีให้สว่างขึ้น หากย้ายที่ตั้งพระ ให้ลองทำสมาธิดู ถ้าไม่รู้สึกสะดวกหรือไม่รู้สึกว่าสมาธิจะดีขึ้นกว่าเดิม ก็ต้องจัดให้ความรู้สึกเดิมๆของเราดีขึ้น

ถ้าบ้านของเราอยู่กันอย่างสงบ อยู่ๆก็มีเหตุทะเลาะเบาะแว้งกัน จงสังเกตว่ามีใครนำอะไรใหญ่ๆแปลกๆเข้ามาว่างในบ้านก็ต้องเอาสิ่งเหล่านั้น ออกไป



ปราณกับที่อยู่อาศัย ตอนที่ ๒

จากประสบการณ์ในการเดินทางร่วมกับคนหมู่มาก ถ้าเดินทางไปกับคนรุ่นใหม่ จะมีความรู้สึกว่าหยางแรง มีการรวมพลัง อาจเสียงดังไปกล้ำเกินคนอื่น ล่วงเกินคนอื่น ขาดความสังเกต ขาดความละเอียดในการมองคนรอบข้างว่ารู้สึกกับตนเองอย่างไร ในขณะที่กลุ่มของคนที่ถูกมองว่าโบราณ คร่ำครึ งมงาย ไร้สาระ จะเรียบร้อย ก็เคยเดินทางไปกับกลุ่มคุณหมอแผนโบราณ จะมีความเกรงอกเกรงใจคนรอบข้าง สุภาพเรียบร้อย ปฏิบัติตามกฎระเบียบ โดยเฉพาะในเที่ยวบิน อย่างเช่นว่าก่อนเครื่องบินลงจอด อย่าลุกขึ้นมา กลุ่มที่หยางแรง จะลุกขึ้นมาในขณะที่เครื่องบินยังไม่ทันจอด แต่กลุ่มที่หยินแรง ๆ กลุ่มคนโบราณกลับนั่งเรียบร้อยและปฏิบัติตามกฎ ว่านอนสอนง่าย จึงไม่รู้ว่าวัฒนธรรมของคนสมัยใหม่เจริญหรือถอยหลัง กับคนอีกกลุ่มหนึ่งที่บอกว่าศึกษาศาสตร์โบราณ แต่มีวัฒนธรรมที่ก้าวหน้า ฝากให้เป็นข้อคิดว่า เราควรจะหันมาศึกษาศาสตร์โบราณว่าเขาสอนอะไร สอนให้คนเป็นผู้ดี และศาสตร์สมัยใหม่สอนให้คนเป็นอะไร ถึงได้ออกมาทิ่มแทงเกะกะ เสียวัฒนธรรมของไทย

ย้อนกลับมาเรื่องเป้าหมายของศาสตร์ฮวงจุ้ย อยู่ที่ทำให้ปราณในบ้านและนอกบ้านถ่ายเทสะดวก ทำให้ชี่ภายในร่างกายของเรากับบ้าน กับการประกอบอาชีพ การเคลื่อนไหวสอดคล้องกัน ซึ่งปราณตัวนี้เรามองไม่เห็น เราก็มองว่าเป็นเรื่องไสยศาสตร์หรือเปล่า แต่ขอให้ศึกษาอย่างลึกซึ้ง อย่าศึกษาแบบที่เรียกว่าเอาสิ่งอภินิหารเข้ามาเจือปน หรือมีเทพดลบันดาล การสอดคล้องตัวนี้ ถ้าเรามองในแง่ของวิทยาศาสตร์ อย่างคนที่ชอบเคลื่อนไหว เวลาอยู่บ้านก็ต้องจัดเฟอร์นิเจอร์แบบที่เรียกว่าตัวเองเคลื่อนไหวสะดวก และดูโล่งโปร่ง ๆ สบาย ๆ คนที่ชอบดู นั่ง คิด ถ้าเดินมากจะเสียเวลา ชอบบ้านที่เล็ก ๆ กะทัดรัด ออกไปทำงานก็อยู่ในห้องทำงานเล็ก ๆ และมีสมาธิ อันนี้คือความสอดคล้อง บางคนอยู่ที่บ้านรกอย่างไร ที่ทำงานก็รกอย่างนั้น คือนิสัยส่วนตัว อยู่ที่ไหนก็เหมือนกันหมด แต่ไม่ว่าจะเป็นวิทยาศาสตร์งมงายหรือโหราศาสตร์งมงาย ถ้าเราเข้าบ้านแล้ว บ้านสะอาด สบายตา สบายใจในความชอบของตน เราก็สบายใจ แต่ถ้ากลับเข้ามาในบ้าน เราเห็นสิ่งที่ไม่ชอบคาอยู่หน้าประตู ก็จะรู้สึกหงุดหงิดไปตลอดจนถึงห้องนอน ก็จะต้องทะเลาะกัน อย่างนี้ทางโหราศาสตร์เรียกว่า "ปราณ"  ทางวิทยาศาสตร์เรียกเพียงว่า บ้านรกไม่ถูกใจ

ถ้าสมมุติการหมุนเวียนของเรา เรามาจากในที่ ๆ เป็นหยางเต็มที่ ถ้าเราเข้ามาบ้าน มาที่สงบ เยือกเย็น สบายตาสบายใจ ก็เกิดความสมดุลระหว่างการเคลื่อนไหวและสงบนิ่ง การพูดแบบนี้ เป็นการพูดแบบปรัชญาและลึกซึ้ง ก็มีคำพังเพยเก่าแก่ที่บอกว่า "ประตูรับความรุ่งเรืองแห่งฤดูกาล บ้านเรือนรับความมั่งคั่งแห่งทิศ"  เพราะประตูเป็นตัวที่เปิดออกไปเจออะไรก่อน ที่จะทำให้เราอารมณ์รื่นรมย์ เข้าบ้านมาเราเจออะไรที่ทำให้สบายใจ บ้านเรือนเราตั้งอยู่ในทิศทางที่ถูก อับลมหรือเปล่า ติดแอร์ทุกทิศทุกทาง แต่ยังดูอึดอัด หรือว่าเข้าบ้านมาแล้ว รู้สึกไม่ขัดกับธรรมชาติ อยู่แล้วสบายใจ ไม่ฝืน เหมือนกับรับความมั่งคั่งแห่งทิศ คืออยู่บ้านที่มีธาตุลมดี ธาตุอะไรต่าง ๆ มีความสมดุล จึงอยากบอกว่าสิ่งที่เราเชื่อหรือที่เราคิด ไม่ว่าจะเป็นวิทยาศาสตร์งมงาย หรือโหราศาสตร์ ก็เป็นเรื่องเดียวกัน เพียงแต่เราเพิ่มความละเอียดของความเข้าใจในปรัชญาการดำเนินชีวิตของคนโบราณ ให้มากขึ้น โดยตัดเอาน้ำหรือสิ่งคิดว่าเป็นวิชาที่งมงายออกไป เพราะเป็นวิชาที่มีหลักการที่ต้องเรียนรู้

ในหลักของฮวงจุ้ย ทุกสายทุกสำนักจะเหมือนกันหมด คือต้องดึงกำลังใจของบุคคลผู้อยู่อาศัยหรือผู้ประกอบการออกมาให้ได้ก่อน ถ้าซินแสไม่สามารถพูดคุยจนคนมีกำลังใจขึ้นมาได้ การวางฮวงจุ้ยตรงนั้นไม่มีประโยชน์ เหมือนกับคนที่ไม่ปรารถนาจะมีชีวิตอยู่ แต่เป็นโรคภัยไข้เจ็บ รักษาเท่าไรก็ไม่ขึ้น เพราะกำลังใจไม่มี หรือคนบางคนเป็นโรคร้าย แต่มีกำลังใจมากมายมหาศาล จะมีพลังตัวหนึ่งเกิดขึ้น กระตุ้นแรงของชีวิตขึ้นมา ฉันใดฉันนั้นในการที่คนที่เราประสบปัญหา ถ้ามีกำลังใจ อย่างไรก็สู้ได้

เพราะฉะนั้นในหลักของฮวงจุ้ยขั้นต้นของทุกสายทุกสำนัก ต้องดึงกำลังใจของคนขึ้นมาก่อน กำลังใจของคนก็มีหลายระดับ บางคนบอกว่า จะมีกำลังใจต่อเมื่อมีเทพมาช่วยเหลือ บางคนกำลังใจอยู่ที่คนที่รักรอบข้าง อยู่ที่คำพูด อยู่ที่การชี้ให้เห็น ขึ้นอยู่กับว่าซินแสแต่ละคนที่จะมองว่าเขาต้องการอะไร และต้องดึงสิ่งที่ขาดขึ้นมาให้ได้ก่อน หลังจากนั้น พอเขามีพลังใจที่จะพูด ที่จะคิด ที่จะทำ เราถึงจะค่อย ๆ ดำเนินการแก้ไข ลักษณะของสิง หรือ วัตถุต่าง ๆ ในแต่ละสำนัก เป็นวิธีการที่ทำให้คนแต่ละคนรู้ว่ามีคนที่จะช่วยเหลืออยู่ เขาไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก แต่อยู่ที่ว่าใครจะยอมรับศาสตร์แต่ละแบบตามจริต พุทธศาสนายังมีตั้ง 6 จริตในการปฏิบัติ เพราะฉะนั้นจึงดูถูกกันไม่ได้ เรียนรู้ได้ทุกสายทุกศาสตร์ยิ่งดี เพราะจะได้เข้าใจคนทุกประเภทที่มาหาเรา ว่าเขาต้องการอะไร จะไปยึดว่าของตัวเองถูกต้องทั้งหมดก็ไม่ได้ เพราะว่าความต้องการของคนไม่เท่ากัน


ฮวงจุ้ยเสริมดวง, แต่งบ้านเสริมฮวงจุ้ย, ฮวงจุ้ยเข้าใจง่าย, ดวงจีน, ฤกษ์ยาม



ปราณกับที่อยู่อาศัย ตอนที่ ๑

ในคัมภีร์อี้จิง ซึ่งเป็นคัมภีร์เก่าแก่  มีบทกลอนในการวิเคราะห์ ทำนาย และสอนใจ มีคติ  โดยเฉพาะโอวาทของท่านเหลี่ยวฝาน ก็มีปรากฎในคัมภีร์อี้จิงด้วย  มีความตอนหนึ่งบอกว่า "แหงนหน้าพิเคราะห์ปรากฎการณ์ของดวงดาว ก้มหน้าตรวจสอบลักษณะพื้นภูมิ"  ฮวงจุ้ยกับดาราศาสตร์และภูมิศาสตร์แยกกันไม่ออก เพราะฉะนั้นการที่ซินแสฮวงจุ้ยได้รับการขนานนามว่า "เซียนภูมิประเทศ"  ก็จะต้องมีความรู้ในเรื่องของดาราศาสตร์ โหราศาสตร์ด้วย

หลักที่ต้อง แหงนหน้าพิเคราะห์ปรากฏการณ์ของดวงดาว ก้มหน้าตรวจสอบลักษณะพื้นภูมินี้  โลกก็เป็นดาวดวงหนึ่ง ทางวิทยาศาสตร์ปฏิเสธไม่ได้ว่า เราอยู่ภายใต้อิทธิพลของสภาพดินฟ้าอากาศ จนกระทั่งมาถึงรายละเอียดเล็กน้อย บ้านเล็ก บ้านสะอาด ก็มีผลทางอารมณ์ อันนี้คือปรากฎการณ์ที่เกี่ยวกับการตัดสินใจ อารมณ์ การหล่อหลอมสภาพแวดล้อมทางวัตถุและบุคคลมาจากสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา

ฮวงจุ้ยมีกำเนิดมาจาก "เรือนหยิน หรือที่เรียกว่า สุสาน"  ชาวจีนให้ความสำคัญกับสิ่งที่เรียกว่า "ลงดินคืนสู่ความสงบ ไม่เคลื่อนไหว"  พิธีฝังศพต่าง ๆ จึงเน้นที่การฝังดิน ชาวจีนจะพิถีพิถันในเรื่องภูมิประเทศและการล่วงเกินเจ้าที่เจ้าทาง เพราะฉะนั้นก่อนที่จะฝังหรือทำพิธี ต้องมีเซียนภูมิประเทศหรือซินแสฮวงจุ้ยช่วยเลือกสถานที่ที่เหมาะสม เพื่อทำเป็นสุสาน และได้รับการปกปักรักษาจากปราณดิน คือ ที่ดี ดินดี พืชดี คนที่เรารัก จะได้ไปอยู่ในปราณที่ดี ๆ และสามารถปกป้องคุ้มครองลูกหลานให้ร่มเย็นเป็นสุข  ทัศนคติของชาวจีนได้ให้ความสำคัญกับการมีชีวิตอยู่มากกว่าความตาย

ดังนั้น ในลักษณะการเลือกภูมิประเทศ จึงไม่ใช่เฉพาะสำหรับที่สงบเท่านั้น ยังต้องส่งผลไปถึงบุคคลที่ยังมีชีวิต ซึ่งมีความสำคัญเท่าเทียมกัน คือต้องมีความสอดคล้องกัน  ฮวงซุ้ยอาจจะยิ่งใหญ่ ดูดี แต่ลูกหลานไม่มีกำลังรับก็ยากที่จะเจริญ

การที่ลูกหลานจะรับได้ จะต้องมีฮวงจุ้ยหรือปราณที่สอดคล้องกัน และความประพฤติที่สืบสายเลือด คือ ต้องมีคุณธรรม ทำอะไรที่ถูกกาล ถูกทิศถูกทางทั้งหมด  และลักษณะภูมิประเทศที่สอดคล้องระหว่างฮวงซุ้ยสำหรับบรรพชนกับลูกหลานที่ ยังมีชีวิตอยู่ ปราณจะต้องผสมผสานกัน ความเจริญถึงไปสู่กัน  สมมุติเราอยู่อย่างดี แต่สุสานบรรพชนไม่ดีเลย แสดงว่าปราณไม่ถึงกันแล้ว  หรือว่าเราทำสุสานอย่างใหญ่โต แต่เราไม่เคยได้รับคุณธรรมของพ่อแม่เลย ยังเกียจคร้านเหมือนเดิม บ้านช่องไม่ดูแลเอาใจใส่ ก็ไม่สอดคล้องกันอีก


ฮวงจุ้ยบ้าน, ฮวงจุ้ยคอนโด, ฮวงจุ้ยร้านค้า, ฮวงจุ้ยห้องนอน, อาจารย์แอน

 
อย่างไรก็ตาม ทัศนคติอันนี้ ในเรื่องเกี่ยวกับฤดูกาล หรือเส้นแบ่งวันมงคลและวันอัปมงคล ก็คือวิชาสถิติที่รวบรวมมาจากการพิเคราะห์ลักษณะภูมิอากาศในบริเวณลุ่มแม่ น้ำฮวงโห เป็นเวลาหลายร้อยหลายพันปี จนพบว่าอากาศวันนั้น ปีนั้น ดีอย่างไร จากนั้นจึงมากำหนดวัน และเขียนว่าวันนั้นวันนี้ควรจัดงานหรือไม่ควรจัดงาน ซึ่งตรงกันทุกปีจนกลายเป็นที่มาที่ไป อย่างเช่น 60 ปี คือ 1 รอบจะวนมาบรรจบ มังกร 60 ตัว แต่ละปี แต่ละธาตุจะไม่เหมือนกัน  สิ่งเหล่านั้นที่ได้กำหนดลงในปฏิทิน คือ สิ่งที่นักปราชญ์ชาวจีนได้กำหนดมาจากการหมุนเวียนของฤดูกาล 4 ฤดู ทิศ ธาตุ ต่าง ๆ เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องเหลวไหล เพียงแต่ว่าในคัมภีร์หรือบันทึกที่เขียนเอาไว้ เป็นสิ่งที่คนทั่วไปมองไม่เห็น เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับปราณที่จับต้องไม่ได้ ชี่ กระแส ความรู้สึก เรื่องเกี่ยวกับจิตศาสตร์ ซึ่งอาจไม่มีเหตุผลอะไรมาวัด แต่เป็นบรรทัดฐาน สิ่งเหล่านี้ระดับการยอมรับจึงค่อนข้างต่ำในโลกวิทยาศาสตร์ คำว่าปราณหรือกระแส เป็นเรื่องที่จะต้องสังเกตถึงจะมองเห็น ต้องมีสมาธิ มีคุณธรรม จิตต้องโปร่งใส ถึงจะเที่ยงธรรม


ฮวงจุ้ยเสริมดวง, แต่งบ้านเสริมฮวงจุ้ย, ฮวงจุ้ยเข้าใจง่าย, ดวงจีน, ฤกษ์ยาม

 
แต่เมื่อความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ไปอย่างทั่วถึง ถ้าอยากรู้สภาพอากาศเป็นอย่างไร ก็พึ่งอุปกรณ์หรือกรมอุตุนิยมวิทยา และคนส่วนใหญ่ก็ฟังเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ  แต่ในทางโหราศาสตร์เกี่ยวกับปราณ เกี่ยวกับชี่ เรามองฟ้า มองเมฆ มองลม ก็สามารถบอกได้ว่าจะมาจากทิศทางไหน หรือมาจากการคำนวณที่บอกว่าดาวจันทร์จะย้ายเข้าสู่ราศีธาตุนั้น จะกระทบกับตรงนี้ พยากรณ์ไว้ล่วงหน้า 2-3 วันว่า ในช่วงนี้จะมีลมแรง อาจมีพายุฝนกระทันหัน มาแบบฝนไล่ช้าง อันนี้เกิดจากปราณ เกิดจากกระแสการหมุนเวียนของดวงดาว หรือแม้กระทั่งการไปดูทางเดินของนก ทางวิทยาศาสตร์อาจกำหนดทฤษฎีว่า นกบินมาจากทิศนั้น มาจากขั้วโลก มาจากเส้นรุ้งแวงตรงนั้น แต่ทางปราณ การจับสังเกต นอกจากจะดูทิศทางลมแล้ว ยังดูความเป็นธรรมชาติด้วยว่า นกตัวใหญ่ตัวเล็กจะบินมาจากทิศไหน เราก็บอกได้เหมือนกัน ปราณที่มองไม่เห็น และจับต้องไม่ได้ ระดับการยอมรับจะค่อนข้างต่ำ ต้องอาศัยการเรียนรู้อย่างมากในศาสตร์โบราณ 



ปราณภายในและปราณภายนอก ตอนที่ ๒

คนที่มีธาตุดินเป็นธาตุประจำตัว ถ้าเป็นดินที่แข็งแกร่ง ก็สามารถที่จะบริหารและคัดเลือกตัวบุคคลให้เหมาะกับงานองค์กรนั้น ๆ และสามารถพัฒนาเป็นกิจการที่ใหญ่โต  หมายความว่า จะต้องอยู่บ้านที่มีลักษณะดูปักหลัก หนักแน่น มั่นคงอย่างธาตุดิน เหมือนกับห้างเซ็นทรัล ไม่สูงมาก แต่ฐานกว้าง ถ้าทำงานองค์กรใหญ่ ๆ และบ้านเป็นลักษณะยาว มีลักษณะของธาตุไม้ เจ้าตัวจะสุขภาพไม่แข็งแรง

การปรับแก้ไขทำเล จำเป็นต้องพิจารณาธาตุของบุคคลให้ชัดเจน  เราเกิดวันอะไร ธาตุอะไร ฤดูอะไร สมมุติถ้าเราอยู่ธาตุไม้ และไปเกิดในฤดูของไม้ ประมาณเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน อันนี้ไม้เราแข็งแกร่งมาก อาจจะต้องระบายด้วยธาตุไฟให้เกิดความพอดี ต้องมีการปรับธาตุให้พอดี อย่างไรก็ตามถ้าไม่รู้ว่าเราธาตุอะไร ให้นึกว่าเราทำงานอะไร และเรารู้สึกว่าเราเจริญในหน้าที่การงานนั้น ให้แยกมาเลยว่าหน้าที่การงานนั้นเป็นธาตุอะไร แสดงว่าที่เราเจริญสอดคล้องกับธาตุตัวเราแล้ว เพราะว่าธาตุนั้นเป็นธาตุเสริมหรือว่าเป็นธาตุของตัวเราอยู่แล้ว หลังจากนั้น เราดูว่าเราชอบงานนี้ เจริญงานนี้ บ้านของเรา ทำให้เรามีปัญหาเรื่องสุขภาพหรือเปล่า เพราะว่าธาตุอาจขัดกับสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ นั่นคือการเช็คสอบ

สำหรับบุคคลที่มีธาตุน้ำเป็นธาตุประจำตัว น้ำมีหลายอย่าง ทั้งน้ำแรง น้ำอ่อยๆ น้ำพุ น้ำไหล น้ำคลอง น้ำทะเล ธาตุน้ำมีความหมายถึงคำว่ายืดหยุ่น เข้าได้ทุกสถานที่ ใครก็ตามที่เป็นคนธาตุน้ำ คือทำงานด้านการตลาด การวิเคราะห์ การบริการ การวิจัย ที่ปรึกษา ดูแล กำกับ การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ จะเหมาะมากที่สุด หากคนไหนทำงานเกี่ยวกับด้านนี้ และมีคอนโดหรือบ้านติดแม่น้ำ จะช่วยส่งเสริมให้เกิดความก้าวหน้า ความเจริญรุ่งเรืองขึ้นไปอีก แต่ถ้าธาตุน้ำมากเกินไป ควรระบายด้วยธาตุไม้

เพราะฉะนั้น น้ำกับไม้จะเป็นของคู่กัน ต้องมีอยู่ในทุกที่ของบุคคลที่ทำงานทางด้านการตลาด  บ้านคนที่อยู่ในที่ดินโล่ง ๆ จะไม่มีองค์ประกอบอะไรเลย แต่ถ้าบ้านเรามี 2 ชั้น เป็นฐานกว้าง และดูหนักแน่น มีต้นไม้ยืนต้นและมีน้ำ แค่นี้ธาตุเราครบแล้ว

ยกตัวอย่างเช่น สนามกอล์ฟ เป็นที่โล่ง ๆ  ถ้าทำอาคารคลับเฮ้าส์ จะต้องไม่สูงมาก ไม่กลวง ไม่โล่ง ดูฐานกว้าง มีต้นไม้ใหญ่หนึ่งต้น และมีน้ำที่รองรับเป็นแอ่งน้ำ สนามกอล์ฟนั้นก็อยู่รอด  ถ้าสนามกอล์ฟไม่มีองค์ประกอบของมังกรเขียวเสือขาว อยู่ที่ดินโล่ง ๆ หรือเป็นที่ดินที่ขาดพลัง ถ้ามีน้ำมากเกินไป น้ำจะทำลายดิน (สนามกอล์ฟคือธาตุดิน) หรือมีช่องลมมากเกินไป ทำให้ลมพัดเข้าทุกทิศทุกทาง พอเข้าไป ธาตุลมแรงเกินไป ทำให้ไม้กับลมดูดดิน สนามกอล์ฟนั้นก็อยู่ไม่ได้

นอกจากนี้ ถ้าลักษณะการวางห้องตัดเป็นสี่แยก เป็นรูปกากบาท มีโถงกลาง จะไม่เหมาะเท่าไหร่ เพราะว่าสี่แยกหมายถึงธาตุที่ขาด เป็นการตัดธาตุดินออกเป็นส่วน ๆ ทางเข้าต้องรับด้วยหมิงถัง แผนกต้อนรับก็มีความสำคัญ

อันนี้คือความสอดคล้องของอาชีพกับพื้นที่ และคนที่นั่งบริหารสนามกอล์ฟต้องมีลักษณะของความหนักแน่น วางแผนเก่ง ประนีประนอม เป็นธาตุที่มีความเข้มแข็งในตัว สามารถบริหารและคัดเลือกตัวบุคคลให้เหมาะกับงานหรือองค์กรนั้นๆ  คือมีลักษณะที่มีธาตุดินแข็งแกร่ง ถึงจะทำตรงนี้ได้ดี

อีกตัวอย่าง เป็นบ้านพักตากอากาศของคนที่เกษียณอายุ ถ้ามีบ้านอยู่บนภูเขา มีธาตุลมรุนแรง ธาตุน้ำไหลรุนแรง ร่างกายจะรับไม่ได้ จะเจ็บไข้ได้ป่วย เพราะคนที่เกษียณอายุ พลังในกายหรือปราณน้อยลงไป ชี่จะเดินช้าลง ชี่จะยึดติดที่มากกว่า อันนี้ต้องระวังและคำนึงถึงธาตุในตัวที่อ่อนลง  อย่างคนที่มีธาตุทอง เป็นคนที่มีนิสัยหรืออารมณ์รุนแรง สามารถอยู่ในพื้นที่ที่ธาตุลมรุนแรงได้ดี

ควรให้ความสำคัญเรื่องปราณภายนอกและปราณภายใน เพราะมีความเกี่ยวพันกันอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นตัวบุคคล สถานที่ ลักษณะของกิจการ ต้องไปด้วยกันทั้งหมด กิจการนั้นถึงจะรุ่งเรือง