ถนนกับอาคาร ที่โล่ง ป้าย

มีคำกล่าวอาคารควรสูง 2 เท่าครึ่งของถนนจึงจะดี ดังนั้น สำหรับที่โล่งหน้าตัวอาคารก็เช่นกัน ควรจะมีที่โล่งที่ถอยจากถนนไม่ต่ำกว่า 2 เท่าครึ่งของถนน ก็จะได้หมิงถังลานรับโชค 
 
ยังคงใช้หลักนี้เช่นกันสำหรับตำแหน่งในการติดป้าย แม้ว่าเราจะมีป้ายติดตรงถนนแล้ว แต่ก็ควรจะมีอีก 1 ป้ายที่ลึกเข้าไปเพื่อเป็นตัวรับโชคอีก 1 ป้าย หากเราต้องการซื้อที่แล้วพบว่า ที่ผืนนี้ปักป้ายติดถนนก็ให้คิดก่อน เพราะจะต่อรองยาก ราคาแพง เช่นเดียวกันกับหมู่บ้าน หากติดป้ายโฆษณาชิดติดถนนแล้วบอกว่า มีลดแลกแจกแถมนั้น อาจไม่จริง หรือไม่ก็พูดด้วยยาก ติดต่อยาก หรือเจ้าของหมู่บ้านกำลังจะเจ๊ง ทั้งหมดนี้บอกได้จากการวางตำแหน่งของบ้ายว่า อยู่ในจุดดักเงิน รับเงิน หรือ ปัดเงินออก
 
กิจการใดที่มีป้ายดักเงิน รับกับลานหมิงถังรับโชค กิจการนั้นจะดี
 
นอกจากนี้ ชื่อ ของสถานที่ก็มีส่วนสำคัญด้วย ยกตัวอย่างเช่น บางที่ชื่อว่า ซ่อมสร้าง ก็พบว่า มีเหตุให้ต้องซ่อมสร้างอยู่บ่อย การค้าที่ตั้งอยู่ในบริเวณนั้นก็เป็นไปอย่างยากลำบาก  แต่หากเรามีกิจการที่เกี่ยวกับการซ่อมสร้างกลับรุ่งเรืองดี
 
อาจารย์ตั้งข้อสังเกตว่า ชื่อของสถานที่นั้น หากมีสิ่งนั้นอยู่ แถบนั้นจะร่มเย็นดี เช่น สถานที่มีชื่อเกี่ยวกับน้ำ แล้วแถบนั้นมีแม่น้ำ หรือสระอยู่ หรืออย่างเช่น เพชรบุรี ที่ตีความหมายถึงธาตุทอง ปรากฏว่าแถบนั้นมีภูเขาเต็มไปหมด เท่ากับมีตามชื่อของเมือง อย่างนี้เป็นต้น
 
บริเวณใดที่มีโค้งธนู กิจการหนักๆ อย่างพวก hardware จะอยู่ได้
 
ทางแยก หรือทางพุ่งตรงไปโดนนั้นอาคาร กิจการที่ยิ่งใหญ่ มีพลังจะอยู่ได้ เสมือนสิ่งร้ายๆ ก็จะกลายเป็นบริวารได้หากไปเจอคนที่เข้มแข็งกว่า ดังนั้น ฮวงจุ้ยก็ใช้หลักนี้เช่นกัน 
 
อะไรที่โดดเด่นกว่าเสมือนพระอาทิตย์ จะแก้สิ่งที่ร้ายๆ ได้  คำว่าโดดเด่น หมายถึงทั้งตัวบุคคล สิ่งของ เช่น หากในสำนักงานเรา ที่นั่งของผู้บริหารไม่โดดเด่นกว่าลูกน้อง นั่นคือ เราไม่ได้เป็นพระอาทิตย์ ย่อมขาดพลัง ขาดอำนาจ
ดัง นั้น การแบ่งแยก จัดแบ่งงานตามลำดับในสำนักงาน ส่งผลต่อการทำงานอย่างเป็นระบบ การเรียงลำดับเหล่านี้สามารถมองเห็นได้ในธรรมชาติที่เห็นอยู่ทุกวัน เพียงแต่เรานำปรับไปประยุกต์ใช้ให้เป็น
 
ร้านอาหารที่อยู่ใต้สะพาน สามารถตั้งอยู่ได้ด้วยเหตุที่ว่า ใช้ไฟเป็นหลักในการทำอาหาร เป็นธาตุที่แรงจึงอยู่ตรงนี้ได้
 

การดูที่ดิน


ฮวงจุ้ยบ้าน, ฮวงจุ้ยคอนโด, ฮวงจุ้ยร้านค้า, ฮวงจุ้ยห้องนอน, อาจารย์แอน


เราดูธาตุของดิน จากสีและลักษณะของดิน ดินลูกรังเป็นธาตุไฟเพราะมีสีแดง ดินสีดำจัดเป็นธาตุน้ำ ดินออกสีขาวมีหินปนจัดเป็นธาตุทอง ดินมีตะไคร่ถือว่า ธาตุน้ำเสีย ธาตุเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีความหมาย เมื่อนำมาผสมกันในแต่ละที่ เราต้องดูว่าแต่ละที่ ธาตุใดเด่นที่สุด อย่างดินที่ดูชื้นตลอดเวลาอย่างนี้ถือว่า ธาตุน้ำแรง 
 
หากดินมีธาตุน้ำ ธาตุไม้ เด่น ที่ดินนี้จะขายยากมาก เจรจายาก เพราะมีความอ่อนไหว ต้องอาศัยการโอนอ่อนผ่อนตาม พูดคุยกันดี ๆ พูดง่ายๆ คือ ต้องเลือกเซลส์ที่ถูกชะตา
 
ที่ดินบางพื้นมีต้นไม้ถูกฟ้าผ่า เมื่อมารวมกับธาตุน้ำ ไม้ที่แรง ทำให้ที่นั้นแม้อุดมสมบูรณ์แต่ก็เหมาะกับการเพาะปลูก มากกว่ามาทำการค้า
 
ที่ดินที่มีต้นกล้วย หรือมีไม้ที่ยืนต้นโอนอ่อน ไม้ที่มีลูกดก ถือเป็นต้นไม้หยินทั้งสิ้น ที่ดินก็เป็นหยินไปด้วย หมายถึงคุยด้วยยาก ต้องอาศัยเทคนิค จังหวะเวลา โอกาสที่เหมาะสม การที่ลงธาตุน้ำ ธาตุไม้ที่แรง ทำให้ที่ดินแบบนี้ขายยากอีกเหมือนกัน แก้ไขได้ด้วยการตั้งป้าย
 
ป้าย จะเป็นตัวที่ทำให้ที่ดินนั้นๆมีครบทุกธาตุ ให้มองเห็นแต่สิ่งดีๆ ปิดสิ่งที่ไม่ดีเอาไว้ แต่ถ้าเกิดอยากประหยัด ตั้งป้ายขนาดเล็กๆ ก็ไม่ได้ผลอย่างที่อธิบาย เราต้องสังเกตป้ายที่เด่นที่สุดของแถบนั้นเป็นอย่างไร ป้ายของเราต้องสอดคล้องกับป้ายในบริเวณนั้นโดยไม่ด้อยกว่า นั่นหมายถึง ป้ายเราก็ต้องโดดเด่นด้วย ควรให้อยู่ในมาตราส่วนของกล่องเงิน คือ 4 x 6
 
การทำป้ายให้โดดเด่น นอกจากสีสัน และขนาดแล้ว ยังมีองค์ประกอบอื่น ๆ อีกที่ทำให้ป้ายดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น โดยปกปิดสิ่งด้อย แล้วเน้นสิ่งดีให้เด่น เข่น ป้ายขายที่ดิน แล้วเรามีภาพแบบบ้านบนป้ายนั้นด้วย อาจจะระบุไปด้วยว่าขายที่ดินเพื่อปลูกสร้างบ้าน ทั้งหมดนี้ก็จะทำให้ป้ายนั้นดูน่าสนใจกว่าป้ายบอกขายที่ดินทั่วๆไปที่มีตัว อักษรเพียงอย่างเดียว เพราะการเห็นภาพจะสร้างแรงจูงใจอีกทางหนึ่ง
 
ที่ดินบางแปลงต้องผ่านสุสานเข้าไป ทำให้ขายได้ยาก เราไม่สามารถย้ายสุสานออกไปได้ เราก็ต้องทำที่ดินแปลงนี้ให้โดดเด่น ด้วยป้าย ด้วยความร่มรื่นร่มเย็นในพื้นที่ ด้วยต้นไม้ ด้วยน้ำ จะมีความหมายว่า ผ่านขวากหนามเข้าไปแล้ว พบกับความสดใส โอ่อ่า ร่มรื่น ร่มเย็น ในทางกลับกัน หากต้องผ่านที่ตายแล้วอย่างสุสานเข้าไปแล้ว ยังเจอกับทางเข้าแคบๆ เล็กๆ คนย่อมไม่อยากซื้อ ที่ดินผืนนั้นก็ต้องใช้ทำสวน ปลูกพืช ไม่เหมาะจะเป็นที่อยู่อาศัย
 
ดังมีคำกล่าวว่าบนภูเขาสำหรับเทวดาอยู่ ที่ราบมนุษย์อยู่ ที่เนินสำหรับผีอยู่ คำว่าผีอยู่หมายถึง เป็นหลุมฝังศพ เป็นโกดัง จึงเป็นหลักที่เราควรต้องระวังที่ดินที่เป็นเนินลาดลงมา อยู่ใกล้สะพาน ควรจะมีสิ่งปลูกสร้างสูงๆ หรือไม่ก็ต้องมีน้ำประกอบด้วย คือ อยู่ใกล้น้ำ แม่น้ำ แบบนี้จะอยู่ได้ด้วยการประกอบอาชีพเกี่ยวกับเป็นท่าทราย ไม่เหมาะเป็นที่อยู่อาศัย หรือแม้แต่บ้านให้เช่า จะไม่มีคนมาเช่า หรือมาเช่าน้อย แต่ทำเป็นโรงงาน โกดังได้ดีมาก

ความสังเกตกับฮวงจุ้ย ตอนที่ ๒

ในทางฮวงจุ้ย เราต้องใช้การสังเกตทั้งในสิ่งที่ตามองเห็น และตามองไม่เห็น ใช้ความรู้สึกที่ไม่ใช่ไสยศาสตร์ เป็นความรู้สึกที่มีเหตุและผลมารองรับเสมอ เช่น หมู่บ้านจัดสรรบางโครงการ ผ่านไป 2-3 ปียังไม่แล้วเสร็จ ก็ต้องหาเหตุผลแล้วว่า เป็นเพราะอะไร เป็นการฝึกฝนเพิ่มปัญญาให้เรา ด้วยการฝึกถามตอบกับตนเองให้อยู่ในเนื้อในนิสัย ไม่ใช่ดูทุกอย่างผ่านๆไป เวลาจะมาดูฮวงจุ้ยค่อยมาสังเกต แบบนี้เราจะไม่ได้อะไรเลย เพราะการเป็นคนช่างสังเกตตลอดเวลาจะสั่งสมข้อมูลให้เรา ทุกคำถามมีคำตอบให้กับทุกสถานที่ที่เราเห็น เราผ่าน ด้วยหลักวิชาที่อาจารย์ถ่ายทอดให้ไว้ เหมือนดังที่ขงจื๊อกล่าวว่า "ทุกคนที่เดินผ่านเราคืออาจารย์ ดังนั้น ทุกพื้นที่ที่เราผ่านมาก็เป็นอาจารย์ของเราเช่นกัน"

แม้แต่สภาพโต๊ะทำงานที่รก ก็ต้องถามว่า เจ้าของโต๊ะประสบปัญหาอะไรบ้าง เป็นการรับรู้ได้ด้วยตนเอง แล้วมาพิเคราะห์ว่า เหตุที่เกิดขึ้นมาเพราะโต๊ะรกหรือเปล่า หรือเพราะว่าเราไปเปลี่ยนแปลงอะไรหรือเปล่า แล้วก็ตามดูสักพักว่าเป็นอย่างที่เราคิดไว้หรือไม่ เป็นการวิเคราะห์เหตุที่มาก่อน

หรือในกรณีที่เราจัดห้องใหม่ เช่น จัดห้องพระ แล้วมีเหตุเกิดขึ้นต่อเนื่องกันมาหลายๆ ครั้ง ผ่านการตามเฝ้าดู สังเกตด้วยตนเองมาเรียบร้อยแล้ว หากเกิดเหตุบางอย่างที่ผิดปกติเกิดขึ้น เราก็ต้องสังเกตว่า มีอะไรเป็นตัวเร่งให้เกิดหรือเปล่า เป็นต้นว่า เปลี่ยนประตูใหม่ เปลี่ยนที่นั่งผู้บริหารใหม่หรือเปล่า

สมมติว่า ในระหว่างการเดินทาง เราสังเกตเห็นรั้วกั้นริมถนนสีแดงหน้าร้านค้า ก็ต้องวิเคราะห์ดูว่า การค้าแถบนั้นตกหรือไม่ หากว่าการค้าไม่ค่อยดีในขณะที่เมื่อก่อนตอนไม่มีรั้วนี้ยังค้าขายดีอยู่ เราก็จะไม่นำรั้วลักษณะนี้ไปตั้งไว้หน้าบ้านหรือหน้าร้านของเราเป็นอันขาด เพราะมีความหมายของคำว่า "ไม่"

เส้นประหรือลูกศรบนถนน ก็มีความหมายในทางฮวงจุ้ย ไม่ใช่ว่ามีไม่ได้ หากแต่มีแล้วบอกอะไร

สิ่งใดก็ตามที่ดึงดูดสายตา ทำให้มีจุดเด่น ถือว่าสิ่งนั้นมีพลัง เราสามารถนำไปปรับประยุกต์ ในกรณีที่บ้านของเราเงียบเกินไป จะด้วยเหตุที่อยู่คนเดียว ห้องมีเยอะแต่ผู้อยู่อาศัยน้อย ด้วยการทำให้ห้องเหล่านั้นเด่นขึ้นมา มีชีวิตชีวาขึ้นมา ด้วยการติดนาฬิกาที่มีเสียงเพลง เพราะเสียงเพลงก่อให้เกิดคลื่น ซึ่งก็คือ ความเคลื่อนไหว ความมีชีวิตนั่นเอง

แม้แต่การทำความสะอาดที่ทำให้เราต้องยกข้าวของขึ้นมา ก็ทำให้เกิดคลื่นของความมีชีวิตเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ อาจารย์จึงมักถามว่า ทำความสะอาดห้องพระหรือยัง ด้วยเหตุที่ว่า ห้องที่มีพลังสูงสุดในแต่ละบ้านก็คือ ห้องพระ ในขณะที่ห้องที่มีพลังอ่อนที่สุด คือ พลังนิ่งที่สุด ก็คือ ห้องนอน นั่นเอง

ถ้าในห้องนอน มีเครื่องออกกำลังกาย โต๊ะทำงาน คอมพิวเตอร์ เครื่องเสียง แทบจะมีทุกอย่างในห้องนั้นด้วย ก็จะส่งผลให้สมองฟุ้งซ่าน นอนไม่หลับ ให้ถามตัวเองว่า อะไรสำคัญที่สุดในห้องนอน เป็นโต๊ะทำงาน หรือโทรทัศน์ หรือ เตียงนอน สิ่งที่เราให้ความสำคัญในห้องนอนนั้น จะบอกพฤติกรรมของตัวเรา

ส่วนห้องน้ำนั้นเป็นจุดจ่ายออก ประตูบ้านเป็นจุดรับทรัพย์ ถ้าจะบอกว่าห้องน้ำไม่มีพลัง ไม่ได้ เพราะเราใช้อยู่ทุกวัน จึงมีความเคลื่อนไหวแน่นอน

ดังนั้น ใครที่ชอบอยู่ในห้องน้ำที่มีขนาดใหญ่นานๆ อย่างมีความสุข ก็จะมีเรื่องให้ต้องจ่าย บางคนอาจจะหมายถึง การเดินทางบ่อยมาก นั่นคือ จ่ายตัวเองออกจากบ้านไป วิธีแก้ก็คือ ตรงประตูหน้าบ้าน ซึ่งถือเป็นประตูรับทรัพย์ ทำให้มีพลังด้วยการทำให้พื้นที่แถบใกล้กับประตูหน้าบ้านนั้นโดดเด่น ด้วยการจัดวางต้นไม้ กระถาง สิ่งของประดับตกแต่ง แล้วให้ไปใช้งานแถบนั้นให้มากที่สุด เท่ากับว่า จุดรับและจุดจ่ายมีพลังเท่ากัน เกิดความสมดุลแล้ว

ห้องน้ำในบางบ้านนอกจากจะมีขนาดใหญ่โตแล้วยังยกเป็นแท่นสูงขึ้นไป และถ้าห้องน้ำยังสูงกว่าเตียง นั่นหมายถึง ดอกเบี้ย

ในเรื่องจุดเด่น การไปดูบ้านหรือที่ดินนั้น เราต้องสังเกตว่า ก่อนเดินทางไปถึง มีจุดเด่นอะไร หรือถึงที่ดินแล้วมีอะไรเด่นกว่า เช่น ที่ดินบางแปลง ก่อนจะถึง มีตึกใหญ่มากจนต้องหันไปมอง ลืมมองที่ดิน ที่ดินผืนนี้จะขายยาก

หรือที่ดินบางแปลงต้องผ่านสุสานเข้าไป ทำให้ขายได้ยาก เราไม่สามารถย้ายสุสานออกไปได้ เราก็ต้องทำที่ดินแปลงนี้ให้โดดเด่น ด้วยป้าย ด้วยความร่มรื่นร่มเย็นในพื้นที่ ด้วยต้นไม้ ด้วยน้ำ จะมีความหมายว่า ผ่านขวากหนามเข้าไปแล้ว พบกับความสดใส โอ่อ่า ร่มรื่น ร่มเย็น ในทางกลับกัน หากต้องผ่านที่ตายแล้วอย่างสุสานเข้าไปแล้ว ยังเจอกับทางเข้าแคบๆ เล็กๆ คนย่อมไม่อยากซื้อ ที่ดินผืนนั้นก็ต้องใช้ทำสวน ปลูกพืช ไม่เหมาะจะเป็นที่อยู่อาศัย

นอกจากนี้ เราต้องทำความเข้าใจว่า "อะไรที่มีมากเกินจนก่อให้เกิดความรกตานั้น ถือว่า มากเกินไป ไม่มีจุดเด่น" ลองนึกถึงระบบสุริยะ ที่แบ่งแยกเรียงลำดับความสำคัญ ด้วยขนาด ด้วยพลัง

ดังนั้น เวลาจะดูอะไรให้เราดูแบบนั้นเหมือนกัน คือดูว่า ที่นั้น มีอะไรเป็นจุดดึงดูด และจุดนั้นมีพลังหรือเปล่า เมื่อมาดูที่บ้านเรา หากเปรียบกับระบบสุริยะจักรวาล ก็ต้องดูว่าในบ้านใครเป็นดวงอาทิตย์ เป็นจุดดึงดูดมีพลัง แล้วมีดวงดาวที่รองลงมา

ที่บ้าน สามีเป็นดวงอาทิตย์ ซึ่งต้องให้ความสำคัญกับที่นั่ง ที่นอน ความสำคัญถัดมาก็สถานที่ทำงาน  ส่วนภรรยาเป็นดวงจันทร์ในบ้าน  เราต้องรู้จักเรียงลำดับความสำคัญ

ห้องพระกับบ้านต้องสมดุลกัน ไม่ใช่บ้านใหญ่โตแต่มีห้องพระเล็กนิดเดียว

ร้านค้าที่ตั้งอยู่ในแนวอาคารเดียวกัน หากร้านค้าใดโดดเด่นขึ้นมา ถือว่า ร้านค้านั้นเป็นหัวมังกรทันที หากร้านค้าใดด้อยสุดจะกลายเป็นหางมังกร ที่มักสะบัดไปมา มีความหมายว่า ร้านค้านั้นจะไม่แน่ไม่นอน

ธรรมชาติหรือโชคลาภจะวิ่งเข้าหาสิ่งที่โดดเด่นเสมอ ด้วยเหตุนี้ อาจารย์จึงให้ความสำคัญกับประตูทางเข้า คำว่าประตูนั้น หมายถึงทั้งประตูโครงการ ประตูรั้ว ประตูบ้าน ประตูเข้าห้อง ประตูจึงมีความสำคัญในแง่ของการตอบรับ ลาภ อาชีพ หากเรามักถูกปฏิเสธบ่อยๆ ต้องมีประตูบานใดบานหนึ่งในบ้านที่เปิดยาก เราต้องแปลเชิงสัญลักษณ์เหล่านี้ให้เป็น

อย่างไรก็ตาม ที่ควรระวัง คือคำว่า เด่นเกินจนไม่กล้าเข้า แบบนี้เรียกว่า "มังกรหัวขาด" ดังนั้น หากต้องการทำจุดไหนให้เด่น ก็ต้องใช้ปัญญาประกอบเพื่อไม่ให้โดดเด่นเกินไป ด้วยการปรับให้โดดเด่น สง่า อย่างเป็นธรรมชาติ

ความสังเกตกับฮวงจุ้ย ตอนที่ ๑


ซินแสฮวงจุ้ย, ดวงจีน, โหราศาสตร์จีน, ฮวงจุ้ยเสริมโชค, อาจารย์แอน


การจะเรียนวิชาฮวงจุ้ย ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยาก ถ้าใจของผู้เรียนพร้อม ต้องทำจิตว่าง ไม่มีตัว ช่างสังเกต ดูธรรมชาติอย่างละเอียด เพราะหากมีอะไรที่ผิดธรรมชาติ ก็คือ ผิดธรรมชาติ ส่วนการทำจิตว่างจะทำให้เป็นกลาง ไม่มีตัว ไม่การเปรียบเทียบกับเรา บ้านของเรา หรือคนใกล้ชิดของเรา หากเรามีจิตที่วางเฉย นิ่งๆ ช่างสังเกต บวกกับดูธรรมชาติ การดูฮวงจุ้ยไม่ใช่เรื่องยาก
 
แล้วก็หัดสังเกตทุกอย่าง ต้องละเอียดขนาดที่ไม่ละเลยแม้สิ่งเล็กน้อย สำหรับอาจารย์ แม้แต่ต้นไม้ข้างทางก็ให้ความสนใจ เราต้องสังเกตธรรมชาติให้เข้าใจว่าเป็นเพราะอะไร หรือแม้แต่สิ่งมีชีวิตในพื้นที่นั้น ไม่ว่าจะเป็นมด แมลงที่บินผ่านหน้าเรา มีเสียงนกร้องหรือเปล่า นกบินผ่านหรือเปล่า ที่นั้นมีชีวิตหรือไม่ ธรรมชาติของพื้นที่นั้นๆ เป็นอย่าไร เนื่องจากบางบ้านหรือบางพื้นที่เมื่อเข้าไปแล้วเงียบเหลือเกิน เป็นความเงียบแบบไม่มีชีวิต ซึ่งต่างจากความเงียบแบบมีชีวิต เช่นเดียวกับความรก จะมี 2 แบบคือ รกเรื้อแบบมีชีวิต คือ รกด้วยของที่ใช้ หรือรกด้วยของที่ตายแล้ว เป็นการรกแบบไม่มีชีวิตคือ ไม่ค่อยจะได้ใช้ เป็นความละเอียดในการแยกแยะ สังเกตนั่นเอง
 
เวลาเข้าทำเลจะต้องไม่โกหกตนเอง จงมองด้วยตาตนเอง คิดเองให้เข้าใจในเหตุผลของธรรมชาติ แล้วจะรู้ได้ด้วยตนเอง
 
ในการเรียนฮวงจุ้ย ต้องรู้จักสังเกตและเข้าใจในธรรมชาติ เมื่อเห็นต้นไม้ตาย ก็ถามตัวเองว่า ต้นไม้ขาดน้ำหรือเปล่า ฝนตกถึงหรือเปล่า ถ้าฝนตกไม่ถึง มีอะไรบังอยู่หรือ ไล่ถามตอบกับตนเองไปเรื่อยๆ แล้วเราก็จะได้คำตอบ อย่าขี้เกียจกับความคิดของตน
 
แม้แต่หากมีต้นไม้ใบร่วงอยู่หน้าบ้าน ก็ต้องถามตนเองว่า ทำไมถึงมาร่วงตรงหน้าบ้าน ตรงประตูที่ถือว่าเป็นตำแหน่ง "อาชีพ" พอดี ดูลักษณะสีสันของใบไม้ เช่นใบไม้เป็นสีของธาตุไฟ ในขณะที่ธาตุประจำตำแหน่งประตูอาชีพ ก็คือ ธาตุน้ำ บ้านนี้ก็จะมีเรื่องร้อน เพราะธาตุน้ำ ธาตุไฟ ปะทะกัน วิธีแก้ไขก็คือ อย่าปลูกต้นไม้สีธาตุไฟตรงประตูอาชีพ และเมื่อมีใบร่วงบริเวณนั้น จะทำให้มีเรื่องร้อน หากจะปลูกสีแดงตรงนั้นจริงๆ ก็เลือกแบบที่ใบไม่ร่วง
 
เวลาดูฮวงจุ้ยให้ดูโครงสร้างของฮวงจุ้ย ดูที่พื้นที่ อย่าเพิ่งไปดูเรื่องคน จะได้ไม่ต้องมีจิตที่วุ่นวาย แค่ประตูอาชีพก็บอกเราได้ พื้นที่แต่ละแห่งมีประวัติที่จะบอกเราได้ ด้วยการอ่านจากสายตาของตัวเราเอง นั่นหมายถึงว่าเราต้องรู้จักสังเกต
 
เรื่องชื่อก็มีความสำคัญ เพราะคนโบราณมักตั้งจากสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในสถานที่นั้น เข่น บางจะเกร็ง บางหมาหอน จึงควรให้ความสนใจในชื่อ ที่มาของชื่อ คำแปล มาประกอบในการอ่านพื้นที่แต่ละแห่งด้วย เสมือนเป็นลางบอกเหตุสำหรับพื้นที่นั้น ดังนั้น หากว่าเราตั้งชื่อโครงการมีคำว่า น้ำ อยู่ โครงการนั้นก็ต้องมีน้ำ
 
ใครก็ตามที่กำลังจะซื้อบ้านหรือคอนโดฯ อย่าลืมสังเกตด้วยว่า โครงการมีชื่อว่าอะไร มีความหมายอย่างไร ตั้งแบบนี้ด้วยเหตุผลใด เขาต้องการให้เรารู้สึกอะไร และสิ่งเหล่านั้นมีอยู่หรือไม่ในโครงการนั้น
 
สมมติว่าชื่อโครงการมีคำว่า น้ำ แต่กลับไม่มีน้ำเลย โครงการนั้นจะซื้อยาก ขายยาก คนมาอยู่ อยู่ยาก หากแม้แต่เจ้าของโครงการก็ไม่ทราบว่าชื่อนี้ใช้เพราะเหตุใด อาจจะเป็นเพราะลูกน้องอยากจะตั้ง แบบนี้ก็เท่ากับว่าหมู่บ้านขายตัวเอง ซึ่งกว่าจะขายหมดเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ

ความสำคัญของน้ำ


ดูฮวงจุ้ย, เสริมฮวงจุ้ย, ฮวงจุ้ยสุสาน, ฮวงจุ้ยพยากรณ์, ฮวงจุ้ยที่ดิน, อาจารย์แอน


ใคร ก็ตามที่มีแหล่งน้ำอยู่ในบ้าน โปรดรักษาน้ำที่มีอยู่ให้สะอาดตลอดกาล เพราะหมายถึง มนุษย์สัมพันธ์ กระแสการเงินที่สะพัดหมุนเวียน ถ้าน้ำนั้นเสีย หมายถึง รายจ่ายและเงินที่ผิดกฎหมาย รวมทั้งอาชญากรรมที่จะเกิดขึ้นทุกชนิดจากน้อยไปหามาก ได้แก่ ของหาย รายจ่ายมาก จนกระทั่งขโมยขึ้นบ้าน
 
น้ำเสียในที่นี้ จะรวมถึงน้ำรั่ว ท่ออุดตัน น้ำไม่ไหล น้ำซึม
 
โดย เหตุที่ธาตุน้ำ มีความหมายถึงอาชีพ หน้าที่การงาน น้ำจึงเป็นธาตุที่สำคัญและเกี่ยวพันกับการดำเนินชีวิตมนุษย์มากที่สุด ดังนั้นอาจารย์จึงมักจัดทำเลให้ทุกบ้านมีธาตุน้ำ และต้องเป็นน้ำที่มีชีวิต เป็นน้ำพุบ้าง น้ำตกบ้าง ตู้ปลาบ้าง สวนน้ำเล็กๆบ้าง และกำชับให้รักษาน้ำที่มีอยู่ในบ้านให้สะอาดอยู่เสมอ
 
ตำแหน่งน้ำที่เสริมในยุคปัจจุบัน คือ น้ำทางทิศตะวันตก ทิศตะวันตกเฉียงใต้ และทิศตะวันออก
 
น้ำ ที่สลายพลังงานความดีและพลังทรัพย์ คือ น้ำทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ทิศใต้และทิศเหนือ มีข้อยกเว้นว่า น้ำทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือนั้น ต้องมีดอกบัวด้วย จึงจะให้คุณ
 
ตำแหน่ง ตู้ปลาที่ดีที่สุด คือตรงประตู หรือใกล้ประตู ซึ่งมีความหมายว่า “ประตูมังกร” หมายถึง การฟันฝ่าอุปสรรคและประสบความสำเร็จในที่สุด
 
ตู้ปลาหรือตำแหน่งน้ำทางด้านทิศตะวันออก ส่งเสริมด้านอาชีพและการเงิน
 
ตู้ปลาหรือตำแหน่งน้ำทางด้านทิศตะวันตก ส่งเสริมการเงินและบริวาร บุตรหลานอุดมสมบูรณ์
 
ตู้ ปลาหรือตำแหน่งน้ำทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ ส่งเสริมด้านสุขภาพและความมั่นคงทางการเงิน ตลอดจนส่งเสริมให้มีความสัมพันธ์กับลูกค้าในทางที่ดี
 
สำหรับปลาที่เลี้ยงไว้ คือปลาเงิน ปลาทอง ต้องไม่ใช่ปลากัด ปลารักเร่ หรือปลาสอดที่กับกินกันเอง เพราะจะมีผลถึงเจ้าของด้วยค่ะ
 
...........อ.แอน
 

ดอกไม้ ตอนที่ ๔


อาจารย์หม่า, ซินแสภาณุวัฒน์, หมอช้าง, หมอลักษณ์, อาจารย์มาศ, อาจารย์แอน


การ คัดเลือกพันธุ์ไม้ ควรเป็นพันธุ์ไม้ที่ปรับเข้ากับธรรมชาติได้ดีและเป็นพันธุ์ไม้ท้องถิ่น ถ้าเลือกพันธ์ุไม้ต่างถิ่น จะดูแตกต่างไม่กลมกลืนกับภูมิอากาศและสภาพแวดล้อม มีผลทำให้เราเป็นคนแปลกตลอด ไปไหนก็เป็นคนแปลก ความคิดเห็นตะแบง และพันธ์ุไม้ต่างถิ่นตายง่าย เหมาะกับคนที่ทำงานเป็นโปรเจคๆ ไป ถ้าพันธ์ุไม้ตายแล้วเราทิ้งเลยไม่เปลี่ยนใหม่ หมายถึงหมดโปรเจคนี้ ก็ไม่มีโปรเจคใหม่มาอีก

ถ้า เลือกไม้ใหญ่เกินไปมาปลูกจนข่มสวน ข่มภูมิประเทศ ข่มพื้นที่ไปหมดเลย ไม่ดี เหมือนไปอยู่ที่ไหน มีฟ้าผ่า มีคดีความ มีเรื่องกระทันหัน มีเรื่องที่ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าตลอด
 
การเลือกไม้ยืนต้น ควรเลือกไม้ที่เขียวตลอดปี ไม่ควรเลือกไม้ผลัดใบเพราะเป็นสัญญลักษณ์ของความไม่ยั่งยืนของชีวิต
 
ถ้าเลือกต้นไม้ที่ดูแห้งๆ แข็งเกินไป ก็เหมือนธาตุทองแข็งเกินไป จะเกิดการแตกแยกตลอด
 
ถ้าเลือกพรรณไม้ที่เลื้อยไปเลื้อยมา เป็นภาระต้องตัดตบแต่งตลอด เรามักจะวิ่งเข้าไปหาเรื่องแล้วแบกภาระ
 
การจัดวางต้นไม้ที่ดี ถ้ามีไม้เลื้อยก็ต้องมีไม้ยืนต้น มีไม้แข็งก็ต้องมีไม้อ่อน มีไม้ผลัดใบก็ต้องมีไม้เขียว เพื่อให้เกิดความสมดุล



ดอกไม้ ตอนที่ ๓

ฮวงจุ้ยเสริมดวง, แต่งบ้านเสริมฮวงจุ้ย, ฮวงจุ้ยเข้าใจง่าย, ดวงจีน, ฤกษ์ยาม

ไม้เลื้อย อย่าปลูกเยอะจนเกินไป จนมีคำว่ารก เพราะจะหมายถึงคดีความ มีอะไรปกปิดซ่อนเร้น และบอกไปถึงนิสัยเจ้าของ
ไม้เลื้อยที่ไม่ต้องดูแล อย่าปลูกเยอะ เพราะหมายถึง เจ้าของบ้านเป็นคนเฉื่อย แต่ถ้าเป็นไม้เลื้อยที่ต้องตัดตกแต่ง เช่น ไม้เลื้อยตามซุ้มประตู ไม่เป็นไร
ต้นไม้ที่มีผลในเรื่องความเชื่อ เช่น
- ถ้าปลูกต้นสาบเสือเป็นสมุนไพรและปลูกเป็นจำนวนมาก จะทำให้คนในบ้านอารมณ์ร้อน ได้รับกระแสมา เพราะชื่อต้นไม้ คนโบราณตั้งชื่อตามคุณลักษณของมันอยู่แล้ว
- ต้นมะละกอ คนโบราณห้ามปลูกหน้าบ้าน เพราะมาจากภาษามอญ แปลว่า ตาย
- ชวนชม ปลูกบ้านที่มีลูกสาวไม่ดี ลูกสาวบ้านนั้นจะชอบเพลงยาว คบผู้ชาย
- ซ่อนกลิ่น เป็นดอกไม้หน้าศพ
- ชบาแดง ต้นรัตนโกสินทร์ นักโทษประหารตอนพาไปลานประหาร จะให้ทัดดอกชบาแดง จึงเป็นคติที่ว่า จะไม่ปลูกชบาแดงแต่จะปลูกสีอื่น เช่น ขาว เหลือง ส้ม ชมพู

ฮวงจุ้ยโชคลาภ, บ้านกับฮวงจุ้ย, จัดบ้านเสริมฮวงจุ้ย, ฮวงจุ้ยเตียงนอน

 เฟื้องฟ้า เป็นต้นไม้พิษไร้สภาพ เป็นไม้มีหนาม แห้ง เติบโตในพื้นที่ที่ไม่สมบูรณ์ตามเกาะกลางถนน ที่ร้อน หมู่บ้านร้าง  ไม่ควรปลูกติดตัวบ้านหรือติดหน้าต่างห้องนอนเด็ก จะทำให้เด็กสายตาเสีย แต่สามารถปลูกได้ในพื้นที่กว้างๆ มองไกลๆ แล้วดูสดชื่น
 
สาวน้อยประแป้ง เหมาะกับสถานที่ที่มีผู้หญิงทำงานเยอะ หรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องสำอางค์ของใช้สตรี

เล็บครุฑ เหมาะกับฝ่ายบุคคล

แต่ที่ดีที่สุดที่สามารถปลูกได้ในสำนักงานทุกที่ คือ ว่านเขียวหมื่นปี กับ หนวดปลาหมึกแคระ

ฮวงจุ้ยโต๊ะทำงาน, ฮวงจุ้ยบ้าน, ฮวงจุ้ยคอนโด, ตกแต่งร้านค้า, อาจารย์แอน


ดอกไม้ ตอนที่ ๒

การปลูกดอกไม้ ถ้าปลูกชนิดใดชนิดหนึ่งเป็นจำนวนมาก จะมีอิทธิพลในทางโหราศาสตร์ เช่น ถ้าเราเข้าซอยมา มีดอกไม้สีเหลืองเต็มไปหมด แสดงว่าทั้งซอยอยู่ภายใต้อิทธิพลของดาวพฤหัส ถ้าทั้งซอยมีดอกไม้สีชมพู คือสีของดาวอังคาร คนในซอยนั้นก็จะได้รับอิทธิพลของดาวอังคารด้วย
 

ซินแสฮวงจุ้ย, ดวงจีน, โหราศาสตร์จีน, ฮวงจุ้ยเสริมโชค, อาจารย์แอน

มันก็สอดคล้องกับในทางฮวงจุ้ยที่ว่า ถ้าดอกไม้อะไรที่มีมากกว่า ดอกไม้นั้นก็จะมีผล เช่น บางหมู่บ้านปลูกลีลาวดีเต็มไปหมด หมู่บ้านนั้นก็จะเป็นหมู่บ้านที่เหมาะแก่การพักผ่อน ไม่เหมาะจะทำการค้าในหมู่บ้าน
ถ้าเราเข้าไปในบ้านใดบ้านหนึ่ง ถ้าปลูกแต่พิทูเนียอย่างเดียว จำนวนมาก แสดงว่าเจ้าของบ้านเป็นคนขยัน มีชีวิตชีวา aleart hyper เพราะพิทูเนีย ต้องเปลี่ยนทุกๆ ๓ เดือน เท่ากับว่าเจ้าของบ้านมีงานทำตลอดเวลา เมื่อมีกฎเกณฑ์อย่างนี้ คนที่ตกงานก็ควรปลูกไม้ดอกที่ ๓ เดือนเปลี่ยนครั้งหนึ่ง จะทำให้บ้านดูสดชื่น และเจ้าตัวจะเปลี่ยนนิสัย ตื่นเช้ามากขึ้น ขยันหางานมากขึ้น มีบุคคลิกที่ดูขยัน ก็จะทำให้หางานได้ง่ายขึ้น
 

ฮวงจุ้ยบ้าน, ฮวงจุ้ยคอนโด, ฮวงจุ้ยร้านค้า, ฮวงจุ้ยห้องนอน, อาจารย์แอน

การวางแจกันดอกไม้บนโต๊ะทำงาน ทำให้เราสดชื่น ตื่นตัว ขยันในการทำงาน แต่กระบองเพชร ไม่ควรนำมาไว้บนโต๊ะทำงาน เพราะเป็นต้นไม้ที่ไม่ต้องดูแลมาก มีผลให้เราเฉื่อยลง กระบองเพชร เป็นไม้ที่สะสมน้ำ เป็นไม้ที่อยู่ในทะเลทราย และดอกไม้นั้นอาจจะเป็นพิษได้ ถ้าเอากระบองเพชรหลายๆต้นมาปลูกบนโต๊ะทำงาน จะทำให้เราเฉื่อย ทำอะไรก็มีอุปสรรค เจ้านายจับผิด ถ้าปลูกต้นเดียว ไม่มีผล
ถ้าจัดสวนหินและกระบองเพชรในบ้าน ถ้าเด่นมาก จะหมายถึง ความยากลำบากในการประกอบอาชีพ
เราสามารถอ่านความหมายจากต้นไม้ที่เราปลูกได้ เช่น การปลูกกระบองเพชร มันโตในทะเลทราย มีความยากลำบากในการอยู่รอด ความยากลำบากในการประกอบธุรกิจ ต้นลั่นทม มีหลายพันธ์ เช่น บางพันธ์ที่ต้นเตี้ย ออกดอกทั้งปี หรือลั่นทมที่อยู่บนภูเขา ซึ่งก็ขึ้นในที่ๆมีหินเยอะ ก็จะมีความหมายคล้ายต้นกระบองเพชร แต่ถ้าพันธ์ที่เป็นพุ่ม ออกดอกทั้งปี จะมีความหมายว่าพักผ่อน

ตกแต่งบ้าน, ตกแต่งคอนโด, จัดสวน, ฮวงจุ้ยคอนโด, ฮวงจุ้ยครัว, อาจารย์แอน

ต้นจันผา ถ้าเด่นมากหรือมีหลายต้น มีความหมายถึง ดาวจันทร์ที่อยู่บนหน้าผา จะอยู่บนความเสี่ยงตลอดเวลา ธุรกิจไม่มั่นคง แต่ถ้าไม่เด่น ปลูกกลืนไปกับต้นไม้อื่น จะไม่มีผลอะไร
การปลูกต้นไม้ ต้องใช้หลักของความพอดีและสมดุล ไม่ควรปลูกชนิดใดชนิดหนึ่งมากเกินไปหรือเด่นเกินไป
บางบ้าน เจ้าของบ้านขาดธาตุไฟก็เลยไปหาไม้ทรงแหลมมาปลูกเต็มบ้าน ก็มีผลทิ่มแทงคนในบ้าน คนในบ้านอยู่บ้านไม่ได้ เหมือนมีไฟลนก้น เสาเรือนไฟไหม้  ในกรณีนี้ ให้ปลูกไม้ธาตุไฟใกล้ๆเรา และที่ห่างออกไปก็ปลูกไม้อื่นๆคละกันไปมันคือความสมดุล
ต้นไม้ที่ไม่มีพิษมีภัยและสามารถปลูกได้ทุกที่และให้ผลดี คือ สนมังกร
ต้นหูกระจง เวลาใบร่วงจะเด่นเกินไป ไม่ดี 
ต้นไม้ที่ต้องคอยค้ำยันหรือรากชอนบ้านไม่ใช่เรื่องดี