อบรมฮวงจุ้ยพื้นฐานตอนที่ 10 - วิเคราะห์แบบแปลนและบ้าน

การวิเคราะห์แบบแปลนและบ้าน
                    
ปากัว,หยินหยาง,ฮวงจุ้ย 5 ธาตุ,ฮวงจุ้ย,Ajarn Ann,Feng Shui,Sana-anong
ลักษณะบ้านที่ผู้อยู่อาศัยไม่ค่อยได้อยู่ ดูเพิ่มเติม
        ลักษณะบ้านที่ผู้อยู่อาศัยไม่ค่อยได้อยู่
                    คือบ้านที่หน้าต่างประตู มีอำนาจมากกว่าประตูหลัก และประตูโรงรถกว้างกว่าประตูหลักด้วยเช่นกัน ตำแหน่งประตูหลัก ตกแต่งด้วยอิฐที่มีลักษณะแตก คือ ความหมายของแตกไปคนละทิศคนละทาง 
                  การแก้ไข คือ
                  1. ทำผ้าม่านให้เป็นสีเดียวกับสีบ้าน ไม่ให้เห็นแสงสะท้อน
                  2. ปรับสีอิฐให้ราบเรียบไม่เหมือนอิฐแตก
                  3. เปิดโครงประตูให้กว้างขึ้น ไม่ดูทึบด้านบนด้วยอิฐแตก
              เป็นการปรับรูปลักษณ์ภายนอก เสริมประตูอาชีพ ถึงแม้จะออกนอกบ้านมากกว่าอยู่แต่ อาชีพก็จะเจริญรุ่งเรือง
              ต่อไปเป็นแบบแปลนภายใน
                             
                                                               
Ajarn Ann,Feng Shui,Sana-anog,ปากัว,หยินหยาง,ฮวงซุ้ย
แปลนบ้านอยู่อาศัยที่ไม่ค่อยมีคนอยู่ ดูเพิ่มเติม
         การวิเคราะห์และแก้ไข
                      ตำแหน่งของโรงรถทำให้ผู้อยู่อาศัยจำเป็นต้องเข้าด้านข้าง มากกว่าหน้าบ้าน อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ผู้อยู่อาศัยจะใช้ประตูข้างแต่ต้องใช้ประตูหลักให้มากกว่า เช่น รับแขก ออกทางหน้าบ้านในวันหยุด หรือ เท่าที่มีโอกาส บ้านสมัยใหม่มักออกแบบให้ผู้คนส่วนใหญ่ใช้ประตูหลักน้อยกว่าอยู่แล้ว จึงต้องปรับวิธีการใช้สอยที่ตัวเราเอง เพื่อความสมดุล ทั้งนี้ เหมือนมีปากแต่ไม่ได้พูดอะไรให้เกิดประโยชน์กับตัวเอง
                   ห้องนอนหลัก อยู่ตำแหน่งสมรส นั้นถูกต้อง แต่ห้องน้ำกลับมีอำนาจมากกว่า ห้องน้ำเป็นจุดจ่าย คือ หาเท่าไหร่ก็มีค่าใช้จ่ายออก แถมบ้านโหว่ตรงกลาง ตำแหน่ง ดิน ขาดหาย แสดงถึงสุขภาพไม่แข็งแรง และไม่สามารถเป็นหลักอย่างมั่นคง เข้าทำนอง หาไป แต่ไม่มีเก็บ เหนื่อยกับการหา เพราะรั่ว ที่เรียกว่าปราณรั่ว เลยไม่ค่อยอยู่บ้าน

                                                                             
Ajarn Ann,Sana-anong,Feng Shui,ฮวงจุ้ย 5 ธาตุ,หยิน หยาง,ปากัว
แบบแปลนบ้านผู้อยู่อาศัยไม่ค่อยอยู่ ชั้น 2 ดูเพิ่มเติม
    แปลนชั้นสอง มีลัษณะโปร่งตรงกลาง ต่อจากแนวชั้นล่างที่เป็นสนามในบ้าน ยิ่งทำให้ดูลักษณะเหมือนโรงแรม ที่มีความหมายว่าชั่วคราว เป็นการส่งเสริมกระแสของการไม่พักอาศัยถาวร ตำแหน่งดิน หรือ ความสมดุลขาดหายไป สุขภาพก็ไม่แข็งแรง


อบรมฮวงจุ้ยพื้นฐานตอนที่ 9 -บ้านอยู่แล้วรวย

รูปทรง"บ้านอยู่แล้วรวย"

         ที่เราได้เรียน ได้อ่านมา เป็นฮวงจุ้ยพื้นฐานที่ควรรู้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ ธาตุทั้ง 5 ,หยิน หยาง,ความสัมพันธ์ของทิศทั้งแปด กับบุคคล อารมณ์ อาชีพ อวัยวะ ตลอดถึงโครงสร้าง ตำแหน่งสำคัญต่างๆ ที่สามารถหาเรียน หาอ่าน หาศึกษาได้ เพราะโครงสร้างของวิชา ฮวงจุ้ย ภูมิพยากรณ์ นั้นจะเหมือนกันทุกสำนัก สุดแต่จะใช้สำนวน คำเรียก คำอธิบายที่ต่างกันไป แต่วิธีการใช้ หรือตีความ ปรับแต่งแก้ไขจะขึ้นอยู่กับแต่ละสำนักที่แตกต่างกัน สุดแต่ใครจะศรัทธาร่ำเรียนวิชาของแต่ละสำนัก ในบทนี้ จะให้พื้นฐานนำหลักการมาใช้วิชา มาจับสังเกตุเป็นเบื้องต้น เพราะบางครั้ง เรียนมาก็เยอะ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหน ไปจับความแต่ข้อห้าม เอาแต่ข้อดี เปรียบเสมือน ไม้คานที่เอนไม่ถูกหลัก แต่กลับทำหน้าที่ค้ำยันสิ่งที่เอนจะล้ม หรือสิ่งที่เสียกว่าไว้ พอดึงออกเลยพังหมดทั้งหลังเป็นต้น ดังนั้น ข้อเสียไม่ใช่ข้อห้าม ต้องจำข้อนี้ให้ดี ฮวงจุ้ยที่ดี ซินแสที่ดี ต้องใช้ประโยชน์ได้ทั้งข้อดีข้อเสีย ไม่ใช่ทุกคนอยากเป็นหัว เลยไม่มีเท้าเดิน
                    
                                                 
Feng Shui,Ajarn Ann,Sana-anong,ฮวงจุ้ย5 ธาตุ,ปากัว,หยินหยาง
บ้านที่สมดุลมีมังกรเขียว เสือขาว   ดูเพิ่มเติม

         บ้านลักษณะนี้ เป็นบ้านที่มีความสมดุลทั้งสองข้างด้วยลักษณะหลังคาที่สมดุลสองข้าง ถ้าดูตามโครงสร้าง ได้ทั้งฝั่งมังกรและเสือขาว และถ้าดูเชิงสัญญลักษณ์ เหมือนหาบเงินทองพูนทั้งซ้าย ขวา สภาพแวดล้อมภายนอก มีต้นไม้ทั้งสองฝั่ง ทั้งมีหมิงถัง คือสนามด้านหน้า รับประตู หรือปากรับทรัพย์ตรงกลาง คือความหมายของอาชีพ เปิดเผย รุ่งเรือง ไม่ตกงาน

         สี แสดงถึงธาตุได้เช่นกัน
            สีดำ เทา น้ำเงิน            คือ      ธาตุน้ำ
            สีเขียว                         คือ      ธาตุไม้
            สีแดง                          คือ      ธาตุไฟ
            สีน้ำตาล                      คือ      ธาตุดิน
            สีเหลือง ขาว                คือ      ธาตุทอง
        ดังนั้นบ้านหลังนี้ จึงสมดุลด้วยธาตุทั้ง 5 โดยใช้เชิงสัญญลักษณ์

                                                                               
Ajarn Ann,Feng Shui,Sana-anong,ฮวงจุ้ยเสริมอาชีพ,ฮวงจุ้ยบ้าน
บ้านธาตุไฟ ดูเพิ่มเติม

         คงไม่ค่อยมีใครสร้างบ้านรูปทรงแบบนี้ แต่เป็นตัวอย่างบ้านที่มีลักษณะธาตุไฟ
               รูปทรงสัญญลักษณ์บอกถึงธาตุด้วยเช่นกัน
               รูปทรงที่เป็นคลื่น หรือหลังคากลมหลายๆหลังคาเรียงกัน คือ ธาตุน้ำ
               รูปทรงกระบอก สี่เหลี่ยมยาว สูง   คือ ธาตุไม้
               รูปทรงแหลม ดังภาพ   คือ ธาตุไฟ
               รูปทรงสีเหลี่ยมจตุรัส   คือ ธาตุดิน
               รูปทรงกลม   คือ ธาตุทอง
        บ้านที่มีหลังคาเด่นชัดเป็นทรงแหลมสูงนี้เป็นธาตุไฟ จะมีชื่อเสียง แต่ก็มักนำเรื่องร้อนหูมาสู่ ทั้งมีอุบัติเหตุไม่คาดฝัน และทำให้ไม่ค่อยอยู่ติดบ้าน และระวังเหตุจากไฟ  แต่ก็สร้างชื่อเสียงขจรไกล สามารถทำการค้าต่างประเทศ หรือมีสาขาหลายๆแห่ง

                                                                             
Ajarn Ann,Sana-anong,Feng Shui,ปากัว,ฮวงจุ้ยร้านค้า,ฮวงจุ้ยบ้านที่อยู่อาศัย
บ้านธาตุดิน ทำงานหนัก ดูเพิ่มเติม

         บ้านตัวอย่างนี้  สมบูรณ์ด้วยพลังธาตุดิน แต่ธาตุดินดูจะมากไป เพราะ รูปทรง และสี ดูจะข่มกับสภาพแวดล้อม มีความหมายของการทำงานกับดิน เป็นงานหนัก แต่ถ้าผู้อยู่อาศัยประกอบอาชีพเกี่ยวกับธาตุดิน หรือการบริการ กลับส่งผลดี อยู่แล้วร่ำรวยได้เช่นกัน

                                                                         
Ajarn Ann,Sana-anong,Feng Shui,ความสมดุล,หยิน หยาง
บ้านที่มีลักษณะรูปทรงธาตุไม้ ดูเพิ่มเติม

         บ้านที่ทอดตัวแนวยาว เป็นทรงนอน หรือ ตั้ง เป็นลักษณะของธาตุไม้ สีสรรเป็นธาตุดิน ซึ่งหมายต้องอาศัยดินดี จึงจะงอกงาม แสดงถึงฮวงจุ้ยบ้านที่อยู่แล้วร่ำรวย ผู้อยู่อาศัยทำงานด้านวิจัย เอกสาร สร้างสรรค์ การตลาด งานโฆษณา
                                               

                     
ajarn Ann,Sana-anong,Feng Shui,ฮวงจุ้ยบ้าน,ฮวงจุ้ยสำนักงาน
บ้านธาตุน้ำ อยู่หลายครอบครัว ดูเพิ่มเติม

         บ้านที่มีลักษณะของธาตุน้ำ คือมีหลายๆหลังคาต่อๆกัน เหมือนคลื่นน้ำ คือ บ้านที่มีหลายครอบครัว หรือ บ้านที่ลูกหลานไม่แยกเรือนออกไป เป็นงานด้านบริการ และอาชีพที่หลากหลาย การปลูกต้นไม้รอบๆตามภาพ สร้างบรรยากาศและความสมดุล ใช้สีอ่อน ลูกหลานจะไม่ทะเลาะกัน

                                                                           
Ajarn Ann,Sana-anong,Feng Shui,ปากัว,หยิน หยาง,ฮวงจุ้ยบ้าน,ฮวงจุยสำนักงาน
บ้านธาตุทอง ดูเพิ่มเติม

         บ้านที่มีลักษณะธาตุทอง มีส่วนกลม และสีสรรเป็นสีอ่อนๆ ทองมากไป จะแตกแยก หน้าต่างมากหน่อยเป็นการระบายธาตุทอง จะให้ความสุข ความมั่งคั่ง และมั่นคงทางธุรกิจ ตามภาพ บ้านนี้สมดุลในโครงสร้าง มังกร เขียว เสือขาว ซึ่งต่อไปก็ต้องดูตำแหน่งการจัดวางห้องภายใน

อบรมฮวงจุ้ยพื้นฐานตอนที่ 8 - ตำแหน่งต่างๆภายในบ้าน

Ajarn Ann,Sana-anong,Feng Shui,ฮวงจุ้ยร่ำรวย,ฮวงจุ้ยสำนักงาน
การแบ่งโซนของห้องที่ไม่ต้องแบ่งหรือกั้นห้องด้วยความสมบูรณ์ในตัว

                                                                                      

การจัดวางตำแหน่งต่างๆภายในบ้าน

         สภาพแวดล้อมรอบ ๆ ตัวเรา จะมีองค์ประกอบของ 5 ธาตุอยู่ตลอดเวลา ทั้งน้ำ ไม้ ไฟ ดิน ทอง สิ่งเหล่านี้ ล้วนมีผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของเราตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของที่เราใช้ นับแต่เสื้อผ้าที่สวมใส่ เป็นธาตุไม้ น้ำที่เราดื่ม ธาตุแข็ง คือ โลหะ ที่ทำให้สรรพสิ่งจับต้องได้ ให้ความรู้สึกที่หนักแน่น ความร้อน ความอบอุ่น จากบรรยากาศรอบๆตัวเรา หรือ การอุ่นอาหารจากธาตุไฟ

         สิ่งเหล่านี้เป็นตัวอย่างง่ายๆ ที่สามารถมองเห็นได้ นอกเหนือไปจากสิ่งที่แฝงอยู่รอบๆตัวเราที่มีองค์ประกอบของ 5 ธาตุ กล่าวได้ว่า ธาตุน้ำ คือ สายเลือดของมังกร  ธาตุไม้ คือ ลมหายใจของธรรมชาติ  ธาตุไฟ เป็นชีวิตของสรรพสิ่ง ธาตุดิน คือเลือดเนื้อของจักรวาล และธาตุทอง คือ กายของโลก และทุกธาตุต่างอยู่ร่วมกันผสมผสาน และปรับตัวปรับความสมดุล ระหว่างมนุษย์กับสภาพแวดล้อม ซึ่งเป็นหลักการเดียวกับศาสตร์และศิลป์จากปรัชญาอันล้ำลึกนับพันปี ที่เน้นการสร้างสภาพแวดล้อม ทางธรรมชาติกับมนุษย์ ให้เกิดความสมดุล นำมาซึ่งความสำเร็จในชีวิต เราเรียกศาสตร์แขนงนี้ว่า  ศาสตร์ว่าด้วยชัยภูมิ หรือ ภูมิพยากรณ์

         ดังนั้น บ้านของเราจึงควรได้รับการจัดวางอย่างถูกต้อง เหมาะสมกลมกลืน เป็นสภาพแวดล้อมทางวัตถุ และตัวบุคคล ช่วยให้บ้านเป็นบ้านที่อยู่เย็นเป็นสุข และพบเจอแต่สิ่งดีๆ ในชีวิต

         การจัดวางตำแหน่งใช้สอย นอกจากจะคำนึงถึงความเหมาะสม สภาพดิน ฟ้า อากาศ แล้ว เราต้องคำนึงถึง ความชอบของผู้อยู่อาศัย แล้วถึงจะมาพิจารณาตรวจสอบถึง ตำแหน่งต่างๆ ของห้อง รูปแบบบ้าน เสา คาน สถานที่ ทิศทางของบ้าน สภาพแวดล้อมภายนอกและภายใน ประตูอาคาร ประตูบ้าน ห้องนอน ห้องครัว สัมพันธ์กับผู้อยู่อาศัยหรือไม่ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนส่งผลตอบรับกับสภาพแวดล้อมภายนอกตัวบ้านสู่ภายในตัวบ้าน

         ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้ หากเราเข้าถึงมากเท่าไร และสามารถแก้ไขจัดวางอย่างเหมาะสมแล้ว เราจะรู้ซึ้งถึงคุณค่าอันล้ำเลิศของหลักวิชาฮวงจุ้ยที่แสดงออกมาให้ได้เห็นเป็นรูปธรรม ของสิ่งที่งดงามและ ความเป็นระเบียบ เรียบร้อย ของสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ ในอันที่จะหล่อหลอมความเป็นอยู่ของมนุษย์ให้สมบูรณ์ ทั้งแสดงให้เห็นถึงความผูกพันระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ ที่ต้องเกื้อหนุนกัน และในทางกลับกัน จะเห็นการปรับความสมดุลด้วยการทำลายล้างด้วย

         บ้านประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ที่ทำหน้าที่แตกต่างกันออกไป แต่ละส่วนนั้นล้วนเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันทั้งสิ้น ฉบับนี้เราจะมาดูว่า ส่วนต่าง ๆ ของบ้านนั้น ตามหลักฮวงจุ้ยที่เราควรรู้เพื่อการจัดวางให้เหมาะสมต่อไป

                                                                           
Ajarn Ann,Sana-anong,Feng Shui,ฮวงจุ้ยร่ำรวย.ฮวงจุ้ยบ้าน
ตำแหน่งต่างๆเพื่อการจัดวางที่เหมาะสม



         จากประตูทางเข้า คือ ความหมายของอาชีพ และอาชีพเป็นที่มาของทรัพย์ จึงเรียกว่า ประตูรับทรัพย์ จะทำฮวงจุ้ยร่ำรวย ก็มาที่ประตูก่อน คือ ประตูแห่งอาชีพ หรือ ประตูรับทรัพย์ ที่ต้องโอ่อ่า ถูกทิศ จะค่อนซ้าย ค่อนขวา ตรงกลาง ก็จัดเป็นประตูที่หมายถึงอาชีพ ที่ ต้องไม่ดูทรุดโทรม หรือ ถูกคุกคาม ธาตุประจำของตำแหน่งประตู ไม่ต้องดูทิศ คือ ธาตุน้ำ ประจำทิศเหนือ

         จากนั้นมองเข้าไปในบ้าน ตำแหน่งซ้ายด้านใน คือ ตำแหน่งมั่งคั่ง มั่นคง ใครที่ชอบคำว่า ฮวงจุ้ย ร่ำรวย ต้องไม่ละเลยตำแหน่งดี จัดวางตำแหน่งห้องที่ดี และสามารถเป็นห้องครัวได้ ตำแหน่งด้านนี้ ธาตุไม้ ประจำทิศตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ต้องดูทิศจริงเช่นกัน

         ด้านซ้ายกลาง เป็นตำแหน่งครอบครัว คือความสมบูรณ์ ความสุข ความพรั่งพร้อมของครอบครัว ธาตุไม้ ตำแหน่ง ทิศตะวันออก

         ด้านมุมซ้ายล่างสุด เป็นตำแหน่งความรู้ การศึกษา ความกว้างในสังคม ธาตุดิน ครองทิศตะวันออกเฉียงเหนือ

         มุมขวา ด้านใน เป็นตำแหน่ง สมรส และความปรองดอง ความสุขในชีวิตสมรส ธาตุดิน ครองทิศตะวันตกเฉียงใต้

         ด้านขวากลาง เป็นตำแหน่งบุตรหลาน บริวาร ธาตุทอง ครองทิศตะวันตก

         มุมขวา ล่าง คือ ตำแหน่งช่วยเหลือ ผู้อุปถัมภ์ ธาตุทอง ครองทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

         ส่วนทิศด้านในที่ตรงข้ามกับอาชีพ คือ ชื่อเสียง

         เราสามารถตรวจสอบได้ว่าตำแหน่งต่างๆนี้เสียหรือไม่ จากร่างกายของเรา เพราะทิศต่างๆที่ตำแหน่งเหล่านี้ครอบครองเกี่ยวพันธ์กับอวัยวะ
            ทิศเหนือ คือ หู ระบบเลือด
            ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ คือ ส่วนของมือ
            ทิศตะวันออก คือ ผม ขา
            ทิศตะวันออกเฉียงใต้ คือ ส่วนหนึ่งของสะโพก
            ทิศใต้ คือ ดวงตา
            ทิศตะวันตกเฉียงใต้ คือ อวัยวะภายใน และส่วนท้อง
            ทิศตะวันตก คือ ปาก
            ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ คือ ส่วนศรีษะ และสมอง

         นอกจากนี้ยังเกี่ยวพันกับรสชาดของอาหารอีกด้วย
            ทิศเหนือ มีรสเค็ม
            ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ รสเค็มจัด
            ทิศตะวันออก รสเปรี้ยว
            ทิศตะวันออกเฉียงใต้ รสเปรี้ยวจัด
            ทิศใต้ รสขม อาหารเผา
            ทิศตะวันตกเฉียงใต้ รสหวาน กลมกล่อม
            ทิศตะวันตก รสเผ็ด
            ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ รสเผ็ดจัด

         ดังนั้นการจัดวางตำแหน่งต่างๆ จึงต้องพิจารณาถึงตำแหน่งต่างๆให้ดี และถ้าย้อนอ่านทวนบทเรียนต้นๆ ยังเกี่ยวพันถึงบุคคลอีกด้วย เช่น พ่อบ้าน ประธานของบ้าน ควรมีห้องนอนทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และครัวควรอยู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นต้น
เมื่อเราปวดศรีษะ แสดงว่าทิศตะวันตกเฉียงเหนือ มีปัญหา และอาจกระทบกระเทือนถึงผู้อุปถัมภ์ของเราอีกด้วย การเจรจาบางเรื่องอาจต้องเลื่อนไป
         โครงสร้างนี้มีความละเอียดในการจัดวางให้เหมาะสม เพื่อผลดีที่จะเกิดขึ้นต่อไป

         นอกจากนี้ยังมีส่วนอื่นๆที่ควรคำนึงถึง ที่จะไม่ทำลายตำแหน่งต่างๆที่กล่าวมา ดังนี้

เสา
         เสาทุกต้นที่อยู่ทั้งภายในและภายนอกห้อง นอกจากทำหน้าที่รับน้ำหนักทั้งหมดของบ้านแล้ว ยังมีอิทธิพลต่อผู้อยู่อาศัย เสากลางบ้าน พี่น้องทะเลาะกัน เสาเหลี่ยมเป็นเสาที่มีอันตรายมากที่สุด ทางทำเล แสดงถึง การล้มละลาย เสากลม มีพื้นที่ผิวราบเรียบ ช่วยให้กระแสพลังของชีวิตไหลผ่านได้ง่าย มีลักษณะที่ดีกว่าเสาที่เป็นเหลี่ยม ยิ่งเสาใหญ่มากเท่าไร ความรุนแรง ย่อมมีมากขึ้นเท่านั้น

คาน
         บ้านทุกหลังต้องมีคาน และมักจะก่อให้เกิดปัญหามากมาย ตำแหน่งของคานที่เห็นชัดเจน ไม่ได้ซ่อนอยู่ภายใต้ฝ้า จะมีผลต่อผู้อยู่อาศัยภายในบ้าน
- คานที่มีขนาดใหญ่มาก ทำให้รู้สึกสร้างความกดดัน มีผลในทางลบกับผู้อยู่อาศัยและการทำงาน ทำให้เกิดปัญหาทางอารมณ์ และสุขภาพ
- คานที่อยู่เหนือหัวเตียง จะทำให้ผู้ที่เป็นเจ้าของห้องนอนปวดศีรษะอยู่เสมอ
- คานที่อยู่เหนือระดับช่องท้องผู้นอนทำให้รู้สึกปวดท้อง
- คานที่อยู่เหนือระดับข้อเท้า ทำให้เจ็บข้อ เจ็บเข่าอยู่เสมอ
- คานที่อยู่เหนือเตาไฟหรือโต๊ะรับประทานอาหาร โชคลาภมักถูกขัดขวางสูญเสียการเงิน

เพดาน
         เพดานห้องที่ต่ำไม่ได้สัดส่วน ทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกอึดอัด ส่งผลให้เกิดปัญหาทางด้านอารมณ์และความคิด ทำให้พลังชีวิตของผู้อยู่อาศัยอ่อนแอ เพดานที่ดีควรมีความสูงได้สัดส่วนพอเหมาะกับขนาดของห้อง

บันได
         บันไดมีความสำคัญในการนำพลังชีวิตเคลื่อนจากชั้นหนึ่งไปสู่อีกชั้นหนึ่ง ถือเป็นทางเดินของมังกร ต้องไม่ชัน ไม่แคบ ต้องมีความแข็งแรง มีความกว้าง ห่างจากเพดานด้วย
- บันไดวนเป็นบันไดที่อันตราย ทำให้พลังชีวิตสลาย และเป็นโรคหัวใจ
- บันไดควรอยู่ในตำแหน่งที่มองไม่เห็นจากบริเวณทางเข้า ไม่ชี้ตรงออกนอกประตู
- ไม่ควรให้บันไดมืด เพราะจะส่งผลให้กระแสพลังชีวิตถูกขัดขวาง
- บันไดไม่ควรจะวนไปด้านซ้าย ให้วนไปด้านขวา
- จำนวนขั้นบันได ควรเป็นเลขคี่เสมอ จะทำให้การเดินขึ้นลงบันได ไม่ติดขัด

พื้นต่างระดับ
         พื้นต่างระดับมีประโยชน์ในการแบ่งพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านออกเป็นสัดส่วน ดูมีความสวยงามในระยะสั้นๆ แต่การแบ่งพื้นที่ออกเป็นส่วนๆ นั้น ทำให้การติดต่อสัมพันธ์กันน้อยลง มีผลเสีย เป็นการแบ่งสมาชิกในครอบครัวออกจากกัน ถ้าพื้นที่ต่างระดับ ด้านข้างต่ำกว่าด้านหน้า ผู้อาวุโสจะไม่ได้รับการเคารพ เป็นผลมาจากลำดับความสูงต่ำของพื้น ที่มีผลต่อพฤติกรรมของผู้อยู่อาศัย ทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัว มีผลทางด้านอารมณ์ เกิดการฉุนเฉียวหงุดหงิดง่าย และทำให้เด็กมีพฤติกรรมก้าวร้าว
การสร้างบ้านต่างระดับควรมีลักษณะหน้าต่ำ หลังสูง ตามโครงสร้าง เต่าดำด้านหลัง และหมิงถังด้านหน้า จัดเป็นทางรับทรัพย์

มุมห้อง
         มุมห้องที่ขาดหาย มีผลในทางลบกับผู้อยู่อาศัย ทำให้มีปัญหากับเรื่องราวไม่พึงประสงค์ต่างๆ โดยเฉพาะมุมแหลมที่อยู่ด้านใน มีลักษณะคล้ายใบมีดที่มีความคม เป็นภัยคุกคามบั่นทอนพลังชีวิตที่ดี ทำให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพและอารมณ์ เป็นความหมายของธาตุไฟที่รุนแรง และธาตุทองที่แหลมคม

         นอกเหนือจากนี้แล้วก็เป็นเรื่องของสี ที่แสดงถึงความสมดุลของ 5 ธาตุ ตลอดจนถึงการจัดวางสิ่งต่างๆที่จะได้กล่าวถึงในบทต่อไป

อบรมฮวงจุ้ยพื้นฐาน ตอนที่ 7 พลังชี่ ปราณ


พลังชี่หรือปราณชี่ หรือ ปราณ คือ ความว่างที่อยู่รอบๆตัวเรา และอยู่ภายในตัวเรา เป็นความว่างที่มีพลังในตัวที่เรามองไม่เห็น รวมอยู่ในสิ่งที่เราเรียกว่า อากาศ
คนจีน ถือว่า ชี่ หรือ ปราณ เป็นพลังชีวิต จีนกลางออกเสียงว่า “ชี่”
จีนแต้จิ๋วออกเสียงว่า “ขี่”
และภาษาสันสกฤตใช้คำว่า “ปราณ”
คำว่า “พลังชีวิต” นี้ไม่ได้หมายถึงเพียงแค่ชีวิตของมนุษย์เรา หรือชีวิตของสัตว์ของพืชเท่านั้น แต่คำว่า “ชีวิต” นี้ครอบคลุมไปทั่วจักรวาล คือ สรรพสิ่งที่มีชี่อยู่รอบๆและเป็นพลังแฝงแทรกอยู่ มนุษย์ทุกคน สัตว์ทุกตัว ต้นไม้ทุกต้น ก้อนหิน แม่น้ำ ก้อนเมฆ แม้กระทั่งวัตถุสิ่งของ ทุกสิ่งทุกอย่างมีชีวิตและมีชี่ไหลเวียนอยู่ในตัวเองทั้งสิ้น


Ajarn Ann,Sana-anng,Feng shui,ฮวงจุ้ยที่อยู่อาศัย,ฮวงจุ้ยร่ำรวย
ไม้   คือ ลมหายในของธรรมชาติ ดึงปราณของ ดิน สู่ฟ้า ดูเพิ่มเติม

 
                                              


ชี่ เป็นพลังงานที่เคลื่อนไหว ไม่อยู่นิ่ง จึงจัดเป็น ชี่ ที่มีชีวิต และพลอยทำให้บรรยากาสรอบๆมีชีวิต ชี่ของสิ่งหนึ่งจะแลกเปลี่ยนถ่ายโอนสลับที่กับชี่ของอีกสิ่งหนึ่งเสมอ
ดังนั้นในคัมภีร์อี้จิง จึงกล่าวว่า สรรพสิ่งในจักรวาลนี้ ไม่มีอะไรหยุดนิ่ง ไม่มีอะไรไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มีอะไรไม่เชื่อมโยงกัน และไม่มีอะไรไม่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน

คนส่วนมากบอกว่า ชี่ คือ อากาศ คือ ลมหายใจ เราจึงคุ้นกับคำว่า “ลมปราณ” และลมเป็นคุณสมบัติหนึ่งของชี่ แต่นอกจากลมหรืออากาศแล้ว ชี่ยังมีคุณสมบัติเป็นคลื่น เป็นพลังงานที่มองไม่เห็นอีกหลายรูป โยคะศาสตร์ของอินเดียและชี่กงของจีน เชื่อเหมือนกันว่าพลังทางร่างกาย พลังจิต และพลังความคิด ล้วนก่อเกิดจากพลังชี่หรือพลังปราณทั้งสิ้น

ดังนั้นหากต้องการให้ร่างกายแข็งแรง ก็ต้องทำชี่ให้แข็งแรง หากต้องการให้จิตใจเข้มแข็ง ก็ต้องปรับชี่ให้มีกำลัง และหากต้องการให้เกิดปัญญาทางความคิด ก็ต้องบ่มเพาะให้ชี่ไปบำรุงสมองได้เต็มที่

นอกจากพลังทางกายภาพ พลังจิต และพลังความคิด จิตวิญญาณก็เป็นพลังชี่อีกรูปหนึ่งด้วย สิ่งมีชีวิตเมื่อตายลง ชี่ส่วนหนึ่งจะอ่อนแรงและแปรรูปไป แต่ชี่ไม่ได้สลายหรือสูญไปเหมือนกับร่างกายที่เน่าสลายหายไป ชี่ของชีวิตที่ตายลง จะเลื่อนไหลไปปะปนกับกระแสชี่อื่น ๆ อย่างต่อเนื่องไปไม่สิ้นสุด จึงสามารถกล่าวได้ว่า วิญญาณคือรูปหนึ่งของชี่ และกระแสกรรมก็เป็นรูปหนึ่งของกระแสชี่เช่นกัน

ในคัมภีร์อี้จิงเก่าแก่ของจีน กล่าวว่าคนเราสัมพันธ์กับชี่ ๓ ประเภท หรือ พลังทั้ง ๓ คือ
พลังชี่ของ
ฟ้า หรือ สวรรค์
พลังชี่ของ
ดิน หรือ ของโลก
และพลังชี่ของ
มนุษย์ 

 

๑. พลังชี่ของฟ้าหรือชี่สวรรค์ คือพลังธรรมชาติที่อยู่บนท้องฟ้าและในจักรวาล เช่น พลังจากดวงอาทิตย์ แรงดึงดูดจากดวงจันทร์และดวงดาว

๒. พลังชี่ของ ดิน หรือ ของโลก คือพลังงานที่เกิดจากลม พายุ สายฝน ก้อนเมฆ และอากาศทั้งหมด คือ พลังธรรมชาติที่อยู่บนโลก ทั้งบนดินและใต้ดิน ก้อนหิน ดินทราย สายน้ำ แร่ธาตุ ต้นไม้ และสัตว์ต่าง ๆ

๓. พลังชี่ของมนุษย์ คือพลังชีวิตของคนเรา

แม้ว่าจะมีการแบ่งประเภทของชี่ออกเป็นพลัง ๓ ประเภท แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ชี่ของฟ้าจะแยกขาดจากชี่ของดิน หรือชี่ของมนุษย์จะไม่เกี่ยวข้องกับชี่ฟ้าและชี่ดิน ชี่ทั้ง ๓ มีความสัมพันธ์และทำปฏิกริยาต่อกันอย่างแยกกันไม่ขาด ชี่ของสิ่งหนึ่งสมดุล ชี่ของสิ่งอื่นก็ดีไปด้วย ชี่ของสิ่งหนึ่งไม่สมดุล ผลกระทบก็จะเกิดต่อชี่ของสิ่งอื่นด้วยเช่นกัน ดังนั้นความสงบสุขและความมีสุขภาพดีของทุกชีวิตในจักรวาล จึงขึ้นอยู่กับความสมดุล ความผสมผสานกลมกลืน และการแลกเปลี่ยนกันอย่างพอดิบพอดี ระหว่างชี่ของตัวเองกับชี่ของสิ่งแวดล้อม จึงเป็นที่มาของ ชี่ภายใน กับ ชี่ภายนอก
ชี่ ทุกชนิดพยายามรักษาและปรับสมดุลในตัวเองตามธรรมชาติ เช่น


      เมื่อใดที่ชี่สวรรค์เสียสมดุล ธรรมชาติจะปรับดุลด้วยปรากฏการณ์ต่าง ๆ เช่น เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง อากาศและฤดูกาลแปรปรวน

       เมื่อใดที่ชี่ของดินหรือชี่โลกเสียสมดุล โลกก็จะปรับดุลด้วยการขยับตัว เกิดแผ่นดินไหว น้ำท่วม ดินถล่ม

       ชี่ของคนสัตว์ต้นไม้ก็เช่นกัน เมื่อใดเสียสมดุล ธรรมชาติก็ปรับด้วยการทำให้อ่อนแอเจ็บป่วยและตายไป เพื่อเปิดโอกาสให้ชีวิตอื่นได้ดำรงอยู่ หรือเพื่อให้ชี่ที่เสียสมดุลนั้น หมุนเวียนกลับมาเกิดเป็นวัฏจักรชีวิตใหม่ที่สมดุลขึ้นอีกรอบหนึ่ง

ชีวิตมนุษย์เรา เป็นส่วนหนึ่งในปรากฏการณ์ปรับสมดุลของธรรมชาติ เมื่อใดที่ชี่ของฟ้าป่วย เราก็ป่วย เมื่อใดที่ชี่ของดินป่วย เราก็ป่วย และเมื่อใดที่ชี่ของสิ่งมีชีวิตอื่นป่วย เราก็ป่วยด้วย


ดังนั้น ตัวเรา ที่อยู่อาศัยของเราจึงมีความสัมพันธ์กับธรรมชาติที่อยู่รอบๆตัวเราอย่างลึกซึ้ง
เนื่องจากจักรวาลและโลกเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ทำให้กระแสชี่ของทุกสิ่งทุกอย่าง ยักย้ายถ่ายเทจากที่หนึ่งไปสู่อีกที่หนึ่งตลอดเวลาด้วยเหมือนกัน ชี่ของสิ่งหนึ่งจะถูกดึงและถูกดูดจากชี่ของอีกสิ่งหนึ่งเสมอ ตรงไหนหลวมหรือพร่อง ชี่อื่นก็จะไหลเข้ามาแทนที่ ตรงไหนแน่นหรือล้น ชี่ก็จะกระจายออกไปแทรกรวมกับชี่อื่น
หลักการนี้สามารถยกตัวอย่างให้เห็นง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น เมื่อไรที่ชี่ฝ่ายแข็งแรงภายในร่างกายของเราพร่องลง ก็จะถูกชี่เชื้อโรคแทรกเข้ามาแทนที่ เมื่อไรที่ชี่ในจิตใจเราอ่อนแอ ก็จะถูกชี่อารมณ์ของคนอื่นแทรกแซงได้ง่าย เมื่อไรที่ชี่ในสมองของเราพร่อง ปัญญาความคิดใหม่ ๆ ก็จะไม่เกิด ในคัมภีร์เต๋าโบราณของจีนระบุว่า หากชี่กายอ่อนแอ ชี่ของจิตหรืออารมณ์ ก็จะอ่อนแอด้วย เมื่อชี่จิตอ่อนแอ ก็ไม่สามารถส่งชี่ไปบำรุงปัญญา เมื่อชี่ปัญญาไม่มีเรี่ยวแรง จิตวิญญาณหรือเสิน ก็ไม่สามารถปฏิสนธิ เมื่อเป็นเช่นนี้ ดวงวิญญาณของคนนั้น ก็จะไม่ได้รับการขัดเกลาและพัฒนาให้สูงขึ้น
      
ตำราชี่กงโบราณของจีนบอกว่า เราสามารถประเมินสุขภาพของตัวเองได้ด้วยการฝึก ความสังเกตและรับรู้ คือการสังเกตตรวจสอบตัวเองอย่างละเอียดทั้งภายนอกคือร่างกายและสิ่งแวดล้อม และภายในคืออารมณ์และความคิดนั่นเอง

ตัวอย่างเช่น นั่งนาน ๆ ขาเกิดชาหรือเมื่อยขึ้นมา อาการชาและปวดเมื่อยเป็นเพราะชี่ในร่างกายไม่หมุนเวียน บอกเราว่าถึงเวลาต้องลุกออกไปเดินยืดเส้นยืดสายให้ชี่ไหลเวียนเสียบ้างแล้ว
เมื่อเราอยู่ในห้องปรับอากาศนาน ๆ ถ้ารู้สึกอึดอัดหายใจไม่สะดวก หรือรู้สึกว่าผิวหนัง ลำคอ หรือโพรงจมูกชักจะแห้ง แสดงว่าชี่ได้ส่งสัญญาณมาบอกเราว่า ขณะนี้ชี่ในห้องนี้ชักจะไม่ดีแล้ว ควรเดินออกไปนอกห้อง หาที่โล่ง ๆ ที่มีลมพัดผ่าน และมีต้นไม้ใบหญ้า เพื่อเราจะได้ปรับชี่ของตัวเราเข้ากับชี่ของฟ้าและดินเสียหน่อยค่อยกลับเข้า มาทำงานต่อ

ช่วงไหนที่เราหมกมุ่นอยู่กับตัวเองมากเกินไป จนจิตใจห่อเหี่ยว เบื่อหน่าย เซ็ง หดหู่ซึมเศร้า อาการเหล่านี้เป็นเสียงของชี่ที่สื่อสารกับเราว่า ชี่ภายในของเรากำลังบกพร่อง อาจจะมีชี่บางอย่างมากไปหรือน้อยไปในตัวเรา เช่น ชี่หยินอาจมากไป ชี่หยางอาจน้อยไป ถึงเวลาที่เราควรออกไปทำกิจกรรมกับเพื่อน ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนชี่กับชีวิตอื่น ๆ บ้าง

โดยทั่วไปหากจิตใจไม่นิ่งพอ เราจะแปลสัญญาณหรือจับสังเกต ชี่ ไม่ออก ก็จะเกิดสิ่งที่ตามมา คือเกิดโรคภัย เมื่อเรายิ่งอ่อนแอ เราก็จะยิ่งขี้เกียจออกกำลัง เมื่อเรายิ่งอ้วน เราก็ยิ่งหิวบ่อย เมื่อเรายิ่งหงุดหงิด เราก็ยิ่งมองหาเหยื่อให้ระบายโทสะ ยิ่งเราซึมเศร้า เราก็จะยิ่งเก็บตัวไม่อยากเจอหน้าใคร อาการที่หนักขึ้น ๆ คือ สัญญานของชี่ภายในที่เสื่อมลง

วิถีชีวิตสมัยใหม่ ทำให้ผู้คนลืมความเชื่อมโยงระหว่างชี่ของตัวเองกับชี่ของจักรวาล และชี่ของโลก หรือ ฟ้า กับ ดิน และลืมความสำคัญของคำว่า ชี่ หากลืมนาน ๆ เข้า ชี่ภายในของเราก็จะสึกหรอเสียสมดุล อาการป่วยกาย ป่วยใจ ป่วยปัญญา ก็จะปรากฏขึ้น

พูดง่าย ๆ ว่าในชีวิตประจำวัน แม้จะต้องทำงานประจำที่วุ่นวาย ในสถานที่ที่ไม่เป็นธรรมชาติ แต่เราก็สามารถรักษาชี่ให้สมดุลได้ ด้วยการหมั่นฝึกสังเกตตัวเอง อย่าปล่อยให้การงานหรือกิจกรรมสังคมรัดตัวเสียจนละเลยตัวเอง

ชี่ หรือพลังชีวิตนั้น มีอยู่รอบ ๆ ตัวไม่ว่าจะอยู่ในเมืองใหญ่หรือชนบท ถ้าอาศัยอยู่ในอาคารใหญ่ ก็หมั่นเดินออกมาหายใจในที่โล่ง ๆ บ้าง แทนที่จะเข้าออกห้องแอร์ตลอดวัน หาเวลาไปเดินเล่นดูพระอาทิตย์ตกริมแม่น้ำแทนการไปช้อปปิ้งบ้าง ไปออกกำลังกายในสวนสาธารณะแทนการออกกำลังกายในฟิตเนสบ้าง ลองตัดกิจกรรมบันเทิงยามค่ำคืนให้น้อยลง เข้านอนไม่ดึกมากและตื่นให้ทันสูดอากาศสดชื่นตอนเช้ามืด ลองเจียดเวลาดูหนังฟังเพลงหรือปาร์ตี้ มาทำกิจกรรมที่ได้อยู่กับความเงียบและสมาธิบ้าง เช่น วาดรูป งานช่างงานฝีมือ และลองออกกำลังกายแบบเคลื่อนไหวช้าที่ช่วยฝึกสมาธิ เช่น ชี่กง โยคะ หรือไท้เก๊ก สลับการการออกกำลังกายแบบเคลื่อนไหวเร็ว ๆ ที่คุ้นเคยบ้าง

การปรับสิ่งแวดล้อม เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยปรับชี่ภายในของเราให้สมดุลกับชี่ภายนอก ทำให้ชี่ในตัวเราประสานกับพลังชี่ทั้ง ๓ คือชี่ฟ้า ชี่ดิน และชี่มนุษย์อย่างพอดี คือ ความหมายที่แท้จริงของ ชี่ภายนอก ภายใน ที่ต้องสมดุลกัน


Ajarn ann,Feng Shui,Sana-anong,ฮวงจุ้ยสำนักงาน,ฮวงจุ้ยร่ำรวย

เป็นรูปที่สมบูรณ์ทางฮวงจุ้ย และมีพลังปราณชี่ที่แข็งแกร่ง เรียกว่า มังกรซ่อนกาย เขาที่อยู่ด้านหลังที่มียอดซ้อน กันหลายๆยอด คือ เขาเกล็ดมังกร มังกรไม่เห็นหัว ไม่เห็นหาง จึงเรียกว่าซ่อนกาย เป็นรูปแสดงถึง ปัญญา อำนาจ บารมี และทรัพย์ มักจะติดไว้ตรงบันได เพราะบันไดถือเป็นทางเดินของมังกร หรือติดหลังโต๊ะทำงาน ห้องทำงาน ห้องประชุม
                                                       ดูเพิ่มเติม




การตรวจสอบทำเล


ในการตรวจสอบทำเล มังกรเขียว เสือขาว เต่าดำ และหงส์แดง หรือ กระจิบแดง ควรอยู่หน้าบ้านและมองเข้าไป ถ้าเรารู้สึกว่าบ้านเรือนที่อยู่อาศัยนั้นดูปลอดภัยด้วยแนวตึก หรือ ต้นไม้ ที่โอบล้อม อยู่ด้านข้าง ตามโครงสร้างตามตำรา ก็ถือว่าถูกต้อง แต่ถ้าเรายืนมองแล้ว ไม่ให้ความรู้สึกที่ปลอดภัย หรือสมดุล แสดงว่า ตำแหน่ง หนึ่งใดเสีย ย่อมแสดงผลตามตำแหน่งที่ขาด ทำเลแบบนี้ ไม่มีการต่อรองนะคะ ว่า ขาดนิดขาดหน่อยได้ไหม คือ มีผลหมดค่ะ

เรื่องของทำเลไม่ใช่เรื่องต่อรอง สมบูรณ์คือ สมบูรณ์ ขาดคือ ขาด ชัดเจนในตัว และทั้งหมดนี้ เอาความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนจับ โดยเฉพาะความรู้สึกของผู้อยู่อาศัย เพราะคือความสอดคล้องระหว่าง เราผู้อยู่กับสภาพแวดล้อมภายนอก ที่เรียกว่า ชี่ภายนอกภายใน ที่จะกล่าวถึงเรื่องชี่และปราณ ต่อไปค่ะ

ผู้ที่สนใจในศาสตร์ฮวงจุ้ย และมีคำถามจะสอบถามอาจารย์แอน


ผู้ที่สนใจในศาสตร์ฮวงจุ้ย และมีคำถามจะสอบถามอาจารย์แอน กรุณา add เข้ากลุ่ม "ฮวงจุ้ย โหราศาสตร์..แนะแนว" เพื่อสอบถามกับอาจารย์ได้โดยตรงครับ

อบรมฮวงจุ้ยพื้นฐานตอนที่ 6 (ต่อ)


                                                                       


 หงส์แดง ทิศใต้ สีแดง ธาตุไฟ ฤดูร้อน
                              
Ajarn Ann,Sana-anong,ฮวงจุ้ยบ้าน,ฮวงจุ้ยร้านค้า
ตำแหน่ง หงส์แดง กระจิบแดง อินทรี ดูเพิ่มเติม

 
 หงส์ เป็นสัญญลักษณ์เจ้าแห่งปักษา และเป็นสัตว์มงคลชนิดหนึ่งของจีนมาแต่โบราณ มีรูปลักษณ์เดิมมาจากนกหลากหลายชนิด อาทิ อินทรี ไก่ฟ้า ห่านฟ้า นกกระจิบ เหยี่ยว นกกะเรียน นกนางแอ่นฯลฯ ตำแหน่งหงส์แดง จึงแทนสัตว์ปีกที่มีพละ ครองฟ้า มีความหมายถึงการนำหน้า หงส์แทนรูปลักษณ์ของนก ประจำทิศใต้ ธาตุไฟ สีแดง จึงได้ชื่อว่า หงส์แดง
     
      ภายหลังได้รับอิทธิพลจากความเชื่อลัทธิเต๋า จากสัตว์เทพค่อยวิวัฒนาการเป็นรูปลักษณ์ของครึ่งคนครึ่งสัตว์ จากนั้นกลายเป็นเทพที่มีรูปเป็นหญิง
ทิศทาง "ฮวงจุ้ย"  หมายถึงภูเขาที่อยู่นอกพื้นที่โล่งด้านหน้าของบ้านที่อยู่ถัดออกไป อันหมายถึงความมั่นคงและเก็บทรัพย์สิน ตามผังทิศอยู่ประจำทิศใต้ บ้านใดมีเนินโล่งลาดอ่อนโยนที่สวยงาม  จะมีความอุดมสมบูรณ์ทรัพย์สินจำนวนมาก

เต่าดำ ประจำทิศเหนือ สีดำ ธาตุน้ำ ฤดูหนาว

AJarn Ann,Sana-anong,Feng Shui,ฮวงจุ้ยบ้าน,ฮวงจุ้ยร้านค้า
เต่ามังกร หนึ่งในสี่สัตว์เทพ ดูเพิ่มเติม
                                                           
เต่าดำหรือเสวียนอู่ มีรูปลักษณ์เป็นเต่า แต่มีเกล็ด จัดเป็นเต่ามังกร มีลักษณะร่วมกันของเต่าและงู  แต่เดิมมา จากการใช้กระดองเต่าในการทำนายทายทัก ทั้งยังเป็นการแสดงอำนาจของกษัตริย์ที่ได้รับโองการผ่านเต่ามังกรมายังโลกมนุษย์ อีกทั้งกระดองเต่ามีสีดำ จึงปรากฏในรูปเต่าดำ ภายหลังได้มีการขยายความออกไป โดยเห็นว่าเต่าอาศัยอยู่กับน้ำ ทั้งแม่น้ำลำคลองน้อยใหญ่จนถึงท้องทะเลกว้าง จึงได้รับการขนานนามให้เป็นเทพเจ้าแห่งน้ำ อีกทั้ง เต่ามีอายุยืนนาน จึงเป็นสัญลักษณ์แทนการมีอายุวัฒนะ 

ทิศทาง "ฮวงจุ้ย"  เต่าดำหมายถึงภูเขาที่อยู่ด้านหลังของบ้าน (ทิศอะไรก็ได้) เป็นสัญญลักษณ์ของคุ้มครอง อุปถัมภ์ ที่พึ่ง ที่พักพิง ตามผังอยู่ทางทิศเหนือ

                 สัตว์เทพทั้งสี่เมื่อนำมาจัดเรียง เกิดเป็นโครงสร้างที่สมดุล และยังมีความหมายเชิงสัญญลักษณ์ของการคุ้มครองในพื้นที่นั้น ทั้งยังส่งเสริมอำนาจ และความอุดมสมบูรณ์อีกด้วย
 ทุกที่ ที่มีเขาลักษณะของสี่สัตว์เทพ
 ดังภาพ จะให้ความหมายของความอุดมสมบูรณ์
                                                                               
            ขวาที่เราเห็น คือ ภูเขารูปมังกร
            ซ้าย คือมังกร ที่กว้าง และถอยห่างมังกร
            ด้านหลังคือ แนวโค้งอ่อนโยน คือ เต่าดำ
           เนินเล็กๆด้านหน้า คือ หงส์แดง

อบรมฮวงจุ้ยพื้นฐานตอนที่ 6

มังกรเขียว เสือขาว เต่าดำ หงส์แดง สี่สัตว์เทพ
โครงสร้างของฮวงจุ้ย

  ปราชญ์จีนได้วางสัญญลักษณ์ทั้งสี่ทิศไว้ภายใต้การคุ้มครองของสัตว์เทพ ตามตำนานพงศาวดารไคเภก อันได้แก่ เต่าดำ มังกรเขียว เสือขาว และหงส์แดง ดังคำกล่าวที่ว่า “ซ้ายมังกรเขียว ขวาเสือขาวครอง หงส์แดงนำหน้า เต่าดำสถิตยังเบื้องหลัง” ซึ่งแนวคิดความเชื่อดังกล่าว มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดระหว่างท้องฟ้า ขุนเขา แม่น้ำ ป่าไม้ ความเป็นไปของภูมิประเทศกับศาสตร์พยากรณ์และคติความเชื่อในลัทธิเต๋าของชาวจีนที่สืบทอดมานานนับพันปี
   
ชาวจีนโบราณ สังเกตและแบ่งท้องฟ้าออกเป็น 4 ส่วน คือ ตะวันออก ตก เหนือและใต้ เชิงสัญญลักษณ์ตามหมู่ดาวบนท้องฟ้า ที่จับกลุ่มทิศทางการเรียงตัวเทียบเข้ากับลักษณะของคน สัตว์หรือรูปลักษณ์ในตำนานการสร้างโลกของเทพผานกู่และหนี่วา  โดยให้ทิศตะวันออกแทนกลุ่มดาวมังกรเขียว จากตำนานการปรากฏขึ้นของจักรพรรดิเหลืองทางทิศตะวันออก ตะวันตกแทนกลุ่มดาวเสือขาว สัตว์ผู้พิทักษ์เทพหนี่วา ทิศใต้แทนกลุ่มดาวหงส์แดง สัตว์เทพผู้พิทักษ์แท่นบูชาของหนี่วา และทิศเหนือ แทนกลุ่มดาวเต่าดำ ซึ่งเป็นสัตว์เทพพิทักษ์ขุนเขาที่อยู่ของหนี่วา  และในท้องฟ้า แต่ละทิศครองดาว 7 ดวง (รวม 28 ดวง)
   
ภายในสุสานยุคจั้นกั๋ว (ราว 433 ปีก่อนคริสตศักราช) แห่งหนึ่งในมณฑลหูเป่ย ได้มีการขุดพบภาพวาดของหมู่ดาว 28 ดวงกับมังกรเขียวและเสือขาวบนฝาของภาชนะเคลือบใบหนึ่ง ซึ่งบอกเราว่า การกำหนดเรียกหมู่ดาวบนท้องฟ้า มีมาก่อนยุคชุนชิว และผู้ที่ค้นพบนำมาใช้ประโยชน์ในการขยายดินแดน คือ เจียงไท่กง ที่ปรึกษาคนแรกของประวัติศาสตร์จีน ผู้ร่วมก่อตั้งราชวงศ์โจว และผู้บัญญัติหลักวิชา ปากัว หรือ แปดทิศสัมพันธ์ หรือที่เรียกว่า ยันต์แปดทิศนั่นเอง

สัตว์เทพทั้งสี่  กลายเป็นตัวแทนของทิศทั้งสี่ นับแต่นั้น และผสมผสานกับศาสตร์แห่งธาตุทั้งห้า และภูมิพยากรณ์  รวมไปถึงกฏแห่งความสมดุลของธรรมชาติ หยินหยาง
       สัตว์เทพทั้งสี่และดวงดาวทั้ง 28 เป็นที่รู้จักในฐานะของ “เทพเจ้าผู้พิทักษ์” ตามตำนานของเทพหนี่วาและกลายเป็นโครงสร้างของ ฮวงจุ้ย ตลอดมา
     
เจียงไท่กง ได้นำสัตว์เทพทั้งสี่เป็นตัวแทนของฤดูกาล สัมพันธ์กับพฤติกรรม และเป็นเครื่องกำหนดพฤติกรรมของมนุษย์ด้วยเช่นกัน สัตว์เทพทั้งสี่ได้ปรากฏในศาสตร์วิทยาการของจีนหลากหลายสาขา อาทิ ดาราศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และการทหาร ดังเช่น ในตำราพิชัยสงครามบทหนึ่ง ได้กล่าวถึงการกำหนดทิศทางเดินทัพไว้ว่า “การเคลื่อนทัพนั้น ซ้ายเป็นมังกรเขียว ขวาเสือขาว ทัพหน้าคือหงส์แดงและเต่าดำคุมหลัง บัญชาการจากเบื้องบน นำปฏิบัติสู่เบื้องล่าง” เนื่องจากผู้คนในสมัยนั้นต่างคุ้นเคยกับตำแหน่งของสัตว์เทพทั้งสี่เป็นอย่างดี ภายหลังจึงได้รับการประยุกต์ให้กลายเป็นสัญลักษณ์ของธงนำทัพไป
     
ต่อเมื่อศาสนาเต๋ารุ่งเรืองขึ้น มังกรเขียว เสือขาว หงส์แดงและเต่าดำ ในฐานะเทพเจ้าผู้คุ้มครองมนุษย์ ต่างมีความสำคัญขึ้น มีความสัมพันธ์กับชีวิตมนุษย์ยิ่งขึ้น ต่างมีชื่อเรียกเป็นมนุษย์ และต่อมาอีกไม่นาน เทพเสวียนอู่หรือเต่าดำ ก็โดดเด่นขึ้นในฐานะของ “เจินอู่” ปรมาจารย์เต๋าผู้สำเร็จมรรคผล ส่วนหงส์แดงเป็นเทพที่มีบทบาทแยกออกมาเป็นเอกเทศ ขณะที่มังกรเขียวและเสือขาวกลายเป็นเทพทวารบาลผู้รักษาประตูทางเข้าสู่มรรคา แห่งเต๋า
มังกรเขียว ประจำทิศตะวันออก สีเขียว ธาตุไม้ ฤดูใบไม้ผลิ
Feng Shui,Ajarn Ann,Sana-anong,ฮวงจุ้ย 5 ธาตุ
มังกรเขียว ดูเพิ่มเติม

ชาวจีนโบราณ ถือว่ามังกรเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจกษัตริย์ โอรสสวรรค์ ผู้รวบรวมแผ่นดิน จัดเป็นสัตว์มงคลชนิดหนึ่ง นับตั้งแต่ยุคของจักรพรรดิเหลืองเป็นต้นมา มังกรก็กลายเป็นตัวแทนของผู้มีเชื้อสายจีนทั้งมวล โดยเฉพาะเมื่อถึงสมัยราชวงศ์ฮั่น ปรากฏภาพวาดและตำนานเกี่ยวกับหวงตี้หรือจักรพรรดิเหลืองที่ทรงมังกรเป็นพาหนะเหินบินสู่ฟ้า มังกรจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของจักรพรรดิผู้ยิ่งยงอีกด้วย
      
ตำนานกล่าวว่า ลักษณะมังกร มาจากสัญญลักษณ์ของชนเผ่าต่างๆ มังกรเขียว มีลำตัวเป็นงู มาจากความคดเคี้ยวของแม่น้ำฮวงโห ทั้งเป็นสายเลือดของชาวจีน หัวเป็นกิเลน หางเป็นปลา มีเครายาว มีเขา เท้าคล้ายกรงเล็บ รูปลักษณ์เป็นมังกรเหิน เปี่ยมด้วยพลังอำนาจ เนื่องจากประจำทิศตะวันออก ธาตุไม้ มีสีเขียว จึงเป็นมังกรเขียว 
ทิศทาง "ฮวงจุ้ย"  มังกรเขียวอำนาจพลังหยาง อยู่ด้านซ้ายมือของบ้าน (ทิศอะไรก็ได้) เป็นสัญญลักษณ์ของ ความมีอำนาจ การเคลื่อนไหว ความเป็นผู้นำ
เสือขาว ประจำทิศตะวันตก สีขาว ธาตุทอง ฤดูใบไม้ร่วง
Feng Shui,Ajarn Ann,Sana-anong,ฮวงจุ้ยบ้าน,ฮวงจุ้ยร้านค้า,ประตูโชคลาภ
เสือขาว สัตว์ประจำทิศตะวันตก ดูเพิ่มเติม
                                                   
เสือ เป็นเจ้าแห่งสัตว์ป่า เนื่องจากประจำทิศตะวันตก ธาตุทอง มีสีขาว จึงกลายเป็น เสือขาว เป็นตัวแทนของอำนาจบารมี ความเคารพยำเกรง สงคราม การทหาร เนื่องจากเสือเป็นนักล่า กินเนื้อ ตำแหน่งเสือ ควรเป็นเสือพี ที่ไม่ย้อนกลับมาทำร้ายบ้านตนเอง ดังนั้น เสือขาว จึงมีความหมายถึง ที่ปรึกษา การทำงานโดยใช้สมอง และยังหมายถึงความอดทนอีกด้วย สถานที่หรือชัยภูมิในสมัยโบราณหากมีชื่อของเสือขาว จึงมักมีนัยสำคัญทางทหาร นอกจากนี้ ยังใช้ในการตั้งชื่อหน่วยกำลังรบ และใช้เป็นตราสัญลักษณ์ในการบัญชาการเคลื่อนทัพ หรือสลักเป็นลวดลายคู่กับมังกรเขียวบนบานประตูทั้งสองข้าง เพื่อป้องกันสิ่งชั่วร้าย
ทิศทาง "ฮวงจุ้ย"  เสือขาวเป็นสัญญลักษณ์ของพลังหยิน เป็นเนินเขาเตี้ย กลม และอวบ กว่ามังกรเขียวที่อยู่ด้านขวามือของบ้าน ให้พลังงานกับบ้าน เป็นตัวแทนของเพศหญิง ตามผังทิศอยู่ประจำทิศตะวันตก 
                
                                          (ยังมีต่อ)

     
    

อบรมฮวงจุ้ยพื้นฐานตอนที่ 5

ฮวงจุ้ย:ปากัว แปดทิศสัมพันธ์กับอารมณ์



Feng Shui,Ajarn Ann,ฮวงจุ้ยสำนักงาน,หยินหยาง,ฮวงจุ้ย 5 ธาตุ
ธาตุสัมพัน์กับอารมณ์   ดูเพิ่มเติม
ธาตุสัมพันธ์กับอารมณ์

ธาตุไม้ แสดงถึงอารมณ์ที่อ่อนไหว ง่ายต่อความหงุดหงิดไม่พอใจ แต่ก็จางหายอย่างรวดเร็ว
ธาตุไฟ แสดงถึง ความสุข ความพึงพอใจ ความร้อนใจที่จะทำการให้เสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว
ธาตุดิน หมายถึง ความมีเหตุผล หนักแน่น ประนีประนอม
ธาตุทอง แทนความรัก ความช่วยเหลือเกื้อกูล
ธาตุน้ำ ได้แก่ อารมณ์หวาดกลัว ไม่แน่นอน ไม่แน่ใจ


           ธาตุไม้
                สังเกตตัวเองง่ายๆ ถ้าช่วงไหน เราหวาดระแวง อ่อนไหว หงุดหงิด มีอาการเข้ากับใครไม่ได้ไม่ถูกใจใครไปหมด งอแง ลังเล ไม่ไว้ใจใคร  หนึ่งคือ ธาตุหยินรุนแรง และธาตุไม้มากเกินไป
           จะส่งผลไปถึง สุขภาพ ภูมิต้านทานตก ส่งผลไปถึงการงาน คือ การงานตก หรือตกงาน เกิดปัญหาบริวาร 
          ธาตุไฟ
               สังเกตุตัวเองอีกเช่นกัน ถ้าช่วงไหน เรานอนไม่หลับ ร้อนรน คิดมาก คิดไม่หยุดหย่อน ทำอะไรตกรายละเอียด ขาดความรอบคอบ หลงลืม เบื่อหน่าย ขี้เกียจ ปวดเมื่อย ป่วยไม่ทราบสาเหตุ กินไม่ได้ ร้อนใน ใช้เงินเปลือง นี่ธาตุไฟแรงเกิน กำลังเป็นโทษ
        ธาตุดิน
             ชักจะดื้อมากไป อยู่กับที่ ไม่อยากไปไหน พูดกับใครขอให้ได้จิกกัด ไม่สนใจเรื่องของคนอื่น เอาตัวเองเป็นหลัก ยกตัวเอง ไม่ฟังใคร ดื้อมาก เอาความคิดตัวเองเป็นหลัก หน้าตาหงิกงอ ไม่ถูกใจไปทั้งนั้น อย่างนี้ธาตุดินเป็นโทษ มีมากเกินไป
       ธาตุทอง
           เมื่อไหร่ก็ตามมีการแตกแยกรอบๆตัว ในหมู่เพื่อน ญาติ หุ้นส่วน พี่น้องทะเลาะกัน มักได้รับคำปฏิเสธบอกปัด เงินทองรั่วไหล ค้าขายไม่มีกำไร ไม่ค่อยมีความสุข อยากโน่นอยากนี่ อยากได้ แต่ไม่ได้ อย่างนี้ธาตุทองล้นไป
      ธาตุน้ำ
         กลัวไปหมด ไม่กล้า ขาดความมั่นใจ ติดขัด เข้าผิดทาง ผิดจังหวะ พูดมากน้ำท่วมทุ่ง หลงประเด็น ฝันหวาน คาดการณ์ผิด บทจะเสี่ยงก็เสี่ยง หรือกล้าผิดทาง เข้าใจผิด ชอบโต้เถียง เอกสารผิดพลาด มีสิ่งผิดกฏหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างนี้ธาตุน้ำเสีย หรือ มากไป
       ถ้าหากแต่ละธาตุน้อยไป ย่อมมีคำว่าขาด เช่นไม้น้อย ขาดความอ่อนโยน ไฟน้อย ขาดความขยัน ดินน้อย ขาดความอะลุ่มอะหล่วย ทองน้อย ขาดความหนักแน่น น้ำน้อย ขาดการใส่ใจ  
       การพิจารณาเรื่องธาตุทั้ง 5 ที่สัมพันธ์กับอารมณ์ มีความสำคัญมากในการปรับแต่งแก้ไขทำเล ที่ต้องพิจารณา อารมณ์ ความรู้สึกของผู้อยู่อาศัยหรือผู้ประกอบการณ์เป็นสำคัญ เป็นการตรวจสอบ ธาตุในตน และธาตุจากสภาพแวดล้อมด้วย
           

เรียนฮวงจุ้ย...อ่านตรงนี้ก่อน

การเตรียมตัวเรียนหลักวิชาฮวงจุ้ย
วิชาฮวงจุ้ย หรือ ศาสตร์ว่าด้วยทำเล ชัยภูมิ ที่อยู่อาศัย สภาพแวดล้อมกับตัวเรา ก็น่าสงสัยอยู่ว่าจะมาเกี่ยวพันอะไรกับชีวิตเรา เราน่าจะเป็นใหญ่สุดที่เอาชนะสภาพแวดล้อม หรือ ที่ใหญ่ไปกว่านั้น เอาชนะฟ้าดิน ได้ เพราะฉะนั้น เหลวไหลถ้าจะไปเรียนรู้ พลอยทำให้รู้สึกว่า เป็นเรื่องงมงายไร้สาระ ถึงขนาดไปดูถูกคนที่มีความรู้ คนที่ไปศึกษาว่างมงาย สู้หลักการวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ไม่ได้ที่มีเหตุผลมากกว่า
ใครที่คิดจะเรียนหรือเข้ามาศึกษาต้องขจัดความคิดนี้ออกไป ทั้งขจัดความ คิด เข้ามาลองเรียนดู หรือ คิดว่า เอาน่ะไม่เสียหลาย หรือเตรียมมาจับผิดครูบาอาจารย์ ดังนั้นข้อแรก ขอให้ขจัดความคิดเช่นนี้ออกไป มิฉะนั้นอาจารย์แช่ง
ข้อที่สอง นั่งนิ่งๆ ยืนนิ่งๆ สมาธิเล็กน้อย เพื่อหันมาดูสภาพแวดล้อมของตัวเรา สังเกตธรรมชาติให้เป็น ตามความเป็นจริง ไม่ต้องแอคชั่นดูทางใน สังเกตธรรมดาๆ ดูจริงๆ เห็นจริงๆว่า เรา เขา สรรพสิ่งไม่ได้อยู่เหนือธรรมชาติ เราจะมาบังคับ ไม่ให้ฝนตก ไม่ให้น้ำท่วม เอามือปิดฟ้า อะไรทำนองนั้น ไม่เอา ใช้ความเป็นจริง เหตุผล มาเป็นพื้นฐานในการเรียนรู้ของเรา ห้ามใช้เวทมนต์ มิฉะนั้น อาจารย์แช่ง
ข้อที่สาม ถือศีลหนึ่งข้อตลอดชีวิต ให้ครูบาอาจารย์ค่ะ ในที่นี้สอนกันในนี้ กำหนดเอาเอง แล้วถือสัจจะ อย่าผิดครู ผิดสัจจะ ตั้งใจไว้ให้ดี วิชาจะได้ไม่หนี ใครผิดสัจจะอาจารย์แช่ง
ข้อที่สี่ ต้องมีจินตนาการ เน้น จินตนาการ ไม่ใช่อุปาทาน นึกเอง หรือ ฟุ้งซ่านและ มีจิตวิทยา เชิงบวก อย่าตั้งตัว ขมวดมวย โจงขาว สำนักเราไม่มี มิฉะนั้นอาจารย์ก็แช่ง
ข้อที่ห้า ห้ามทานของดิบ
ข้อที่หก ห้ามทัก โดยที่เรายังแก้ไขอะไรไม่ได้ ทักใครต้องแก้ให้เขาด้วย
เอาไปหกข้อก่อน เข้ามาเป็นศิษย์มีครูแล้วค่อยเอาไปอีกหกข้อค่ะ ทำใจได้แล้ว เราจะเริ่มเรียนกันค่ะ

                                                                        
หยินหยาง,ปากัว ,ชี่ปราณ
มังกรดั้นเมฆ ดูเพิ่มเติม

อบรมฮวงจุ้ยพื้นฐานตอนที่ 4

ลักษณะพิฆาตตามหลักฮวงจุ้ย

ฮวงจุ้ยหมอช้าง,Feng Shui,Ajarn Ann,
www.sana-anong.com
 

       สภาพแวดล้อมทางวัตถุ ทั้งตามหลัก ห้าธาตุ และ หยินหยาง
โดยทั่วไปลักษณะพิฆาตตามหลักฮวงจุ้ย มีหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบเห็นได้ชัดของการพิฆาตของธาตุทั้ง 5 ทั้งแบบรูปลักษณ์พิฆาต ลักษณะพิฆาตนี้ อาจเรียกได้ว่าเป็นสิ่งแวดล้อมที่คอยพิฆาตผู้อยู่อาศัยก็ได้
   ปกติลักษณะพิฆาตจะเกิดจากพลังของรังสีกระแสชี่ที่ส่งผลสะท้อน ชี่ มีความหมายถึง กระแส บรรยากาศ ที่อยู่รอบตัวเรา มองไม่เห็นแต่รู้สึกได้ ดังนั้นการหลีกเลี่ยงหรือปรับแก้เพื่อหลบเลี่ยงรังสีกระแสชี่พิฆาต จึงมีความสำคัญไม่น้อย
    เช่น ลักษณะช่องลมฟันพิฆาต ลักษณะดังกล่าวเป็นหนึ่งในลักษณะพิฆาตตามหลักฮวงจุ้ย ซึ่งจะเกิดจากการที่ผู้อยู่อาศัย มองออกไปจากหน้าต่างอาคารของเราเอง แล้วเห็น อาคารที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามมีลักษณะการตั้งที่อยู่ใกล้กันมากๆ ทำให้เห็นเป็นช่องระหว่างกลางเหมือนตัวตึกจะบีบเข้ามาหากัน หรือหากมองแล้วเปรียบเสมือนตัวตึกขนาดใหญ่ ถูกขวานยักษ์จากฟากฟ้า ฟันแบ่งแยกตึกดังกล่าวออกเป็น 2 ท่อน ลักษณะเช่นนี้ จะเรียกว่า "ช่องลมพิฆาต" หรือ "ฮวงสัวะ"
     การเกิดขึ้นของฮวงสัวะ จะส่งผลให้ผู้อยู่อาศัยฝั่งตรงข้ามเกิดโรคภัย โดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับเลือด และยังมีจะประสบเภทภัย อุบัติเหตุ อื่นๆได้อีก โดยความรุนแรงจะยิ่งเพิ่มทวีคูณหากต้องอยู่อาศัยใกล้ฮวงสัวะ ทำให้มีชีวิตอยู่อย่างไร้ความสุข ปราศจากโชคลาภ เงิน ทอง เกิดความสูญเสียต่างๆ นาๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จะมีปัญหาด้านสุขภาพตามมา

ลักษณะธนูพิฆาต
              ลักษณะดังกล่าว มักจะเกิดจากทางเดินของสะพานลอยหรือถนนยกระดับลอยฟ้า ซึ่งลักษณะของถนนยกระดับมักมีบางช่วงที่คล้ายโค้งธนู นอกจากนี้ในบริเวณพื้นที่ราบเรียบ ก็อาจจะมีลักษณะโค้งธนูพิฆาตได้เหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม ลักษณะของถนนที่คดเคี้ยว หรือถนนบนเนินเขา หรือ ถนนตรงเส้นทางกลับรถ (ยูเทิร์น) ซึ่งมีลักษณะโค้งเป็นครึ่งวงกลมบนพื้นที่ราบ ก็ถือว่าเป็นรูปแบบหนึ่งของธนูพิฆาตทั้งสิ้น

โทษภัยของโค้งธนู
              ชัยภูมิที่มีลักษณะของโค้งธนูจะมีพลังชี่ที่ร้ายแรง สามารถทำให้ผู้คนเกิดการบาดเจ็บ หรือล้มตายได้ด้วยอุบัติเหตุต่างๆ รวมไปถึงก่อให้เกิดโรคโลหิตจาง สำหรับผู้ที่ต้องอยู่อาศัยในบริเวณนั้นนานๆ อีกด้วย โค้งธนู จะมีลักษณะคล้ายกับทางน้ำตีจาก

ลักษณะของเสียงพิฆาต
              เสียงพิฆาต เป็นลักษณะที่ไม่ดีประเภทหนึ่ง ที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะเสียงพิฆาต จะทำให้เกิดอาการหนวกหู หรือทำให้เกิดการสั่นประสาท ทำให้หูหนวก หูอื้อได้ ยกตัวอย่างเช่น บ้านหรือที่อยู่อาศัยที่อยู่ใกล้สนามบิน ทางรถไฟ บริเวณใต้ทางรถไฟฟ้า หรือทางด่วน รวมทั้ง สถานที่ที่กำลังก่อสร้าง ซึ่งล้วนแต่จัดเป็นบริเวณที่ได้รับเสียงพิฆาตทั้งนั้น
              การที่เราได้ยินเสียงพิฆาตอยู่บ่อยๆ จะส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อสภาพจิตใจ เพราะจะทำให้จิตใจเราไม่สงบ เกิดความว้าวุ่น และทำลายสมาธิเป็นอย่างมาก นอกจากนี้หากมนุษย์เราถูกรบกวนด้วยเสียงพิฆาตเป็นระยะยาวนาน ก็มีโอกาสที่จะเจ็บป่วยด้วยโรคจิต โรคประสาท โรคปวดศีรษะ รวมทั้งทำให้ร่างกายของคนเราอ่อนแอลงได้อีกด้วย

อบรมฮวงจุ้ยพื้นฐานตอนที่ 3

เรื่องของหยินและหยาง
ก่อนจะไปถึงความหมายของปากัว หรือแปดทิศ มาทำความรู้จักเรื่องหยินหยางก่อน
โดยเฉพาะ เรื่องเกี่ยวกับบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ที่ประกอบไปด้วยพลังหยิน และพลังหยาง ที่อาจจะสมดุล และไม่สมดุลกัน  การยกตัวอย่างจากบ้านเรือนที่อยู่อาศัย จะเห็นภาพของหยินหยางชัดเจน


ฮวงจุ้ยร้านค้า,ฮวงจุ้ยที่อยู่อาศัย,feng shui,Ajarn Ann
http://www.sana-anong.com/v3/


              เราคุ้นเคยมากกับรูปนี้และก็เข้าใจว่าเป็นของสำนักบู๊ตึ๊ง ความจริงเป็นเครื่องหมายของ ธรรมชาติ ที่มีสองอย่างควบคู่กัน
              มีมืด มีสว่าง  มีกลางวัน มีกลางคืน มีพระอาทิตย์ มีพระจันทร์ มีข้างหน้ามีข้างหลัง มีอ่อนนุ่ม มีแข็งแกร่ง มีภูเขา ก็ต้องมีแม่น้ำ มีขาด ก็มีเกิน มีผู้หญิง มีผู้ชาย
             5 ธาตุสมดุลไม่เกิดโรคภัย ไม่กระทบอาชีพ ฉันใด หยินหยางก็ต้องสมดุล ฉันนั้น ถือเป็นสภาวะโลกที่เป็นปรกติ
บ้านเรือนที่อยู่อาศัย หรือสำนักงานที่ดีนั้น ควรมีการจัดสถานที่หรือชัยภูมิให้สอดคล้อง กับพลังหยินและพลังหยาง นั่นคือ ควรจัดด้านหน้าให้มีที่กว้างๆ เพื่อเปิดรับกระแสชี่ หรือพลังแห่งโชคลาภ ไม่ควรมีสิ่งใดมากีดขวางและด้านหลังควรมีความมั่นคงไม่โปร่งบาง หรือกล่าวได้ว่าที่อยู่อาศัยด้านหน้าควรรับพลังหยาง ด้านหลังควรเป็นพลังหยิน
ในการเลือกหรือตกแต่งที่อยู่อาศัยนั้น นอกจากตัวสิ่งปลูกสร้างหรืออาคารควรตั้งอยู่ในตำแหน่งที่สอดคล้องกับพลัง แห่งยุค เพื่อรับกระแสโชคลาภแล้ว ภายในตัวอาคารก็ควรมีการจัดแต่งให้เหมาะสม ดังนี้
เรามาทำความเข้าใจตำแหน่งตามทิศก่อน
                                                 
อบรมฮวงจุ้ย,Ajarn Ann,Sana-anong,Feng shui,อาจารย์ช้าง
เพิ่มคำอธิบายภาพhttp://www.sana-anong.com/v3/
                           

 เราเริ่มต้นจากทิศเหนือ   ซึ่งจะหมายถึงความเยือกเย็น ฤดูหนาว คือธาตุน้ำ เป็นตำแหน่งของชายกลาง
ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ   อากาศค่อนข้างอุ่นขึ้นบ้าง ยังคงเป็นฤดูหนาว แต่ก็ยังสามารถมีพืชพรรณ    เกิดขึ้นได้ เกิดตะไคร่น้ำหรือพืชในน้ำ คือธาตุดิน เป็นตำแหน่งของ ลูกชายคนเล็ก
ทิศตะวันออก   อากาศอุ่นขึ้น เข้าฤดูใบไม้ผลิ เป็นธาตุไม้ ตำแหน่ง ลูกชาย หรือ ชายกลาง
ทิศตะวันออกเฉียงใต้    พืชพรรณไม้ออกดอกออกผลยืนต้นเป็นต้นไม้ใหญ่ ยังคงเป็นธาตุไม้ ตำแหน่งพี่สาวคนโต หรือ หญิงใหญ่
ทิศใต้   อากาศอุ่นจัด ต้นไม้แห้ง บางครั้งเกิดไฟป่า คือธาตุไฟ ตำแหน่ง หญิงกลาง                         

ทิศตะวันตกเฉียงใต้   ย่างเข้าฤดูหนาว ฝนเริ่มตก คือธาตุดิน ตำแหน่ง แม่
ทิศตะวันตก   อากาศเริ่มเย็น ใบไม้ร่วง ธาตุทอง ตำแหน่ง ลูกสาวคนเล็ก
ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ  อากาศหนาวมาก ธาตุทอง ตำแหน่ง พ่อ       
                    
          เมื่อเราทราบความหมายของทิศแล้วจึงมาจัดวางตำแหน่งให้ถูกต้องดังนี้
1. ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งหมายถึง ผู้ใหญ่ หรือผู้อาวุโส หรือ พ่อบ้าน ไม่ควรเป็นห้องน้ำ หรือห้องครัว เป็นต้น ถ้าตำแหน่งประธานเป็นห้องน้ำจะทำให้หัวหน้าครอบครัวเจ็บป่วย หรือต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อยๆ
     ตำแหน่งห้องน้ำ อยู่ได้ทุกที่ที่ไม่มีตำแหน่งบุคคลนั้นในบ้าน เช่นที่บ้านไม่มีสาวน้อย เด็กผู้หญิง ก็อยู่ด้านทิศตะวันตก แต่ถ้ามีบุคคลครบตำแหน่ง ห้องน้ำก็อยู่ได้ แต่ต้องไม่ใหญ่เกินไป และไม่อยู่ทิศประธาน
2. ประตูเข้า - ออก ภายในบ้านไม่ควรอยู่ตรงกับห้องครัวพอดี เพราะจะเกิดวิบากขึ้น หรือถูกธาตุไฟ (ห้องครัว) พุ่งเข้าหา ทำให้สมาชิกในครอบครัวมีปากเสียง ใจร้อน หรือเกิดการทะเลาะวิวาทกันบ่อยๆ บริวารอยู่ไม่ทน
3. ระดับความสูงต่ำของบ้าน เช่นบ้านเล่นระดับ  พลังหยิน หยาง ของพื้นที่ก็มีส่วนสำคัญและเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน ถ้าสูงๆต่ำๆชัดเจนเกินไป จะสังเกตได้ คือ ทุกคนในบ้านมีปัญหาที่เข่า ขา แต่ถ้าบ้านเป็นลักษณะ หน้าต่ำ หลังสูง เล่นระดับพอควร พองาม และประธานซึ่งอยู่ส่วนหลังอาคารก็ควรมีระดับความสูงกว่าด้านหน้า มิเช่นนั้นจะทำให้เจ้าของบ้านประสบกับปัญหาด้วยหน้าที่การงาน อำนาจถดถอย มักถูกเพื่อนร่วมงานหรือบริวารกลั่นแกล้ง และวิถีชีวิตไม่ราบรื่นเท่าที่ควร
4. บันไดบ้านที่เชื่อมระหว่างพื้นชั้นที่ 1 ไปสู่พื้นชั้นที่ 2 ของบ้านไม่ควรอยู่ตรงกลางบ้าน และไม่ควรพุ่งชนกับประตูหลังบ้านที่สมาชิกครอบครัวใช้เดินเข้าออก เพราะจะทำให้เงินทองรั่วไหลออกง่าย ทำมาหากินมาได้ก็จะเก็บไว้ไม่อยู่ และมักเป็นโรคหัวใจ สุขภาพอ่อนแอ
5. ประตูใหญ่ของบ้านควรมีความกว้างและความสูงให้สมดุลกับตัวบ้าน ไม่เล็กเกินไป เพราะประตูที่เล็กและแคบจะไม่สามารถเปิดรับกระแสชี่ได้ นอกจากนี้ เมื่อเปิดประตูบ้านแล้ว ภายนอกควรเป็นที่โล่งกว้างยิ่งมากยิ่งได้ ในทางฮวงจุ้ยเรียกพื้นที่บริเวณโล่งกว้างดังกล่าวว่า "หมิงถัง" ซึ่งจะเป็นจุดศูนย์รวมของกระแสชี่ และเก็บกักโชคลาภให้กับบ้านเรือนหลังนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี
     ส่วนใหญ่มักปิดประตูใหญ่เข้าประตูเล็ก หมิงถัง แคบเล็ก คือปิดทางของอาชีพ และโชคลาภ มักถูกข่มเสมอ



 

อบรมฮวงจุ้ยพื้นฐานตอนที่ 1




ฮวงจุ้ยกับสภาพแวดล้อม
โดย อาจารย์แอน


ในศาสตร์โบราณได้จดบันทึกไว้ว่า คนเกิดวัน เดือน ปีไหน ควรจะอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหน ธาตุอะไร ทิศทางเป็นอย่างไร เรียนรู้เพื่อจัดปรับแต่งให้สมดุลระหว่างตัวบุคคลกับสภาพแวดล้อม

แต่ความประพฤติ สติ เป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินชีวิต ถ้าเราประพฤติดีมาตลอด มีจิตใจที่สมดุล การปรับทำเลสิ่งแวดล้อมไม่จำเป็นต้องมีผู้ใดมาชี้แนะ เพราะมันจะส่งผลให้คิดและเลือกจัดสิ่งของต่าง ๆ ให้เหมาะและสมดุลกับตัวบุคคลนั้นไปเอง

คนเราเมื่อคิดดี ย่อมได้ผลดี เข้าสำนวนที่ว่า ทำเลร้ายไม่ทำลายคนดี และหากคิดว่าสิ่งที่ทำไปแล้วนั้นยังไม่ดี สามารถเพิ่มเติมให้เกิดความสมดุล จนกระทั่งบางครั้งมันเกิดการข่มกันเองและแก้ไขกันไปเองได้เหมือนกัน

แต่ถ้าคนไม่ดีไปอยู่ในที่ดี แต่จิตใจไม่ดี ในความไม่ดีนั้นมันก็จะทำตัวเหมือนแม่เหล็กที่คอยดูดเอาของไม่ดีเข้ามาหา อยู่เรื่อย ๆ ผลคือสภาพแวดล้อมที่ดีนั้น พลอยเสียไปด้วย กลายเป็นไม่ดี

ดังนั้น ดวงชาตา ความประพฤติ และสภาพแวดล้อม จึงจำเป็นต้องสัมพันธ์กัน ในการตรวจสอบ เราต้องทราบวงจรชีวิตของเราว่า ณ ช่วงเวลาใดที่ชีวิตของเราดีที่สุด เราปฏิบัติตนอย่างไร อยู่บ้าน หรือมีสิ่งแวดล้อมอย่างไร แล้วจึงนำมาเปรียบเทียบกับสภาพแวดล้อมปัจจุบัน ว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงมากน้อยขนาดไหน ที่ทำให้ชีวิตของเราเปลี่ยนแปลง

          เราจะพบว่า สภาพแวดล้อมเปลี่ยนคนเปลี่ยน และมีผลกับอิทธิพลชีวิตเรา
          ก่อนเข้าบ้าน ผ่านตลาด เราต้องแวะซื้ออาหาร
          ก่อนเข้าบ้านผ่านสนามออกกำลังกาย เราก็ชอบออกกำลังกาย
          ก่อนเข้าบ้านเป็นสถานศึกษา บุตรหลานย่อมรักเรียน
          มารดาของปราชญ์เม่งจื้อต้องย้ายบ้านถึงสามครั้งถึงสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมของลูกชาย

อย่าเพิ่งเบื่อทฤษฏี ก่อนเข้าเรื่องชัยภูมิ จำเป็นต้องรู้ความสำคัญของสภาพแวดล้อม และวิธีสังเกตให้ดี เป็นเรื่องละเอียด ใจเราต้องละเอียดถึงจะจับสังเกตความผิดปกติที่อยู่รอบๆ และจะส่งผลถึงตัวเรา จะแก้ไขทำเลก็ต้องดูสภาพแวดล้อมด้วยว่า ขัดกันหรือเปล่า

การแก้ไขทำเล จึงต้องมีหลัก แก้ไขตน ที่อยู่อาศัยและสภาพแวดล้อม ทั้งหมดต้องกลมกลืน มีจุดเด่นข่มจุดด้อยเมื่อเข้าใจถึงตอนนี้โดยคร่าวๆ ถึงจะเข้าเรื่อง 5 ธาตุต่อไป

อบรมฮวงจุ้ยพื้นฐาน ตอน 2

ฮวงจุ้ย กับ 5 ธาตุ
    
ปราชญ์ชาวจีนแต่โบราณได้เรียนรู้และศึกษาหลักการของธาตุทั้ง 5 บนโลกมนุษย์จนแตกฉาน และพบว่าธาตุสำคัญทั้ง 5 ธาตุ อันได้แก่ ธาตุไม้ ธาตุไฟ ธาตุดิน ธาตุทอง และธาตุน้ำ ล้วนแต่มีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ต่างก็เป็นตัวก่อเกิดให้แก่กัน ในขณะเดียวกันก็สามารถทำลายล้างซึ่งกันและกันได้
ปรมาจารย์ทางด้านฮวงจุ้ยและดวงจีนได้นำหลักการของ 5 ธาตุดังกล่าวข้างต้น มาประยุกต์และแก้ไข ปรับเปลี่ยนสภาพ แวดล้อมของที่อยู่อาศัย ตลอดจนนำมาปรับประยุกต์ใช้ในศาสตร์แขนงต่างๆให้เกิดประโยชน์ในการดำรงชีวิต

วัฏจักรการก่อเกิดและทำลายกันของธาตุทั้ง 5

 

เนื่องจากธาตุทั้ง 5 มีการก่อเกิดและทำลายล้างกันอย่างเป็นวัฏจักร โดยเป็นไปตามกฏธรรมชาติ เราสามารถเห็น สภาวะของการก่อเกิด และทำลาย จาก ธาตุไม้ ก่อกำเนิด เสริมไฟ คือไปเป็นเชื้อเพลิงเพื่อจุดไฟได้นั่นเอง ต่อจากนั้นเมื่อธาตุไฟ ลุกไหม้จนหมดลงแล้ว ก็จะก่อเกิดธาตุดิน หรือขี้เถ้านั้นเอง ในขณะเดียวกัน ธาตุดิน เมื่อรวมตัวกันนานๆก็จะอัดตัวกันกลายเป็น ธาตุทอง หรือกล่าวได้ว่า เราสามารถขุดพบสินแร่หรือแร่ธาตุต่างๆจากภายในพื้นโลก ทั้งยังรวมตัวหนาแน่นเป็นภูเขาได้ เป็นต้นกำเนิดแม่น้ำ คือ ธาตุทองก่อกำเนิดธาตุน้ำ สำหรับ ธาตุน้ำ อธิบายได้ง่ายๆว่า ทำให้ต้นไม้บนพื้นโลกแห่งนี้ชุมชื่นและงอกงาม นั่นคือความหมายของการเสริมไม้ด้วยธาตน้ำ
สำหรับการทำลายล้างกันของ 5 ธาตุ ก็เกิดขึ้นจากธรรมชาติเช่นกัน ซึ่งสามารถอธิบายได้ว่า ธาตุไม้ จะทำลายธาตุดิน ด้วยการใช้ รากดููด อาหารแร่ธาตุจากพื้นดินนั่นเอง ในขณะที่ ธาตุดิน ก็จะไปทำลายธาตุน้ำ ซึ่งเราจะเห็นว่า หากเราต้องการถม คู คลอง หนอง บึง เราก็ต้องใช้ดินถม หรือสร้างเขื่อน กั้น ควบคุม และธาตุน้ำ ก็สามารถดับไฟได้ ส่วน ธาตุไฟ ก็สามารถไปเผาทองให้หลอมละลายลงได้ เช่นกัน สุดท้าย ธาตุทอง ซึ่งหมายถึง โลหะ  ธาตุทองแข็งแกร่งดังเหล็กโลหะ ก็สามารถนำไปใช้ทำลายธาตุไม้ ซึ่งก็คือ นำไปตัดต้นไม้ได้เช่นกัน


5 eliment
http://www.sana-anong.com/v3/


ประโยชน์ของการใช้ 5 ธาตุในการเลือกอาชีพที่ถูกโฉลก
ศาสตร์ทางด้านโหราศาสตร์จีน สามารถคำนวณได้ว่า มนุษย์แต่ละคนที่ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกแห่งนี้ ต่างก็จะได้รับการสะสม พลังธรรมชาติของธาตุทั้ง 5 มากน้อยแตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัน เดือน ปี และเวลาตกฟากของแต่ละคน ซึ่งเป็นศาสตร์อีกแขนง ที่สามารถ คำนวณดวงชะตาของท่านว่า ท่านเป็นคนธาตุอะไร และธาตุที่ให้คุณในดวงชะตาของท่านคือธาตุไหน ท่านก็จะสามารถ นำมาใช้ประโยชน์โดยการเลือกประกอบอาชีพได้อย่างเหมาะสม ถูกโฉลก มั่งคั่ง ร่ำรวย และมีความสุขกับงานได้อย่างแท้จริง
ในที่นี้จะขอสรุปการเลือกอาชีพจากหลักการของธาตุทั้ง 5พอเป็นสังเขปดังนี้
1. ผู้ที่มีดวงชะตาธาตุไม้ให้คุณ
อาชีพที่ถูกโฉลก คือ ธุรกิจเกี่ยวกับการขายไม้ เฟอร์นิเจอร์ จัดสวน สมุนไพร ร้านหนังสือ โรงพิมพ์ นักประพันธ์ ครูบาอาจารย์ อาชีพเกี่ยวกับเสื้อผ้า ขายยา ขายผ้า การตลาด ประชาสัมพันธ์ การขาย การสื่อสาร การท่องเที่ยว กัปตัน แอร์โฮสเตส งานโรงแรม ฝ่ายบุคคล
2. ผู้ที่มีดวงชะตาธาตุไฟให้คุณ
อาชีพที่ถูกโฉลก คือ ธุรกิจเกี่ยวกับไฟ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า ร้านอาหารจำพวก ปิ้ง-ย่าง ร้านขายแก็ส ร้านถ่ายรูป ร้านเสริมสวย อาชีพที่เกี่ยวกับการแสดง งานเทคนิค ธุรกิจเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ธุรกิจอิเล็คทรอนิคส์ นักสังคมสงเคราะห์ นักวิทยาศาสตร์ ที่ปรึกษา ข้าราชการ นักปราชญ์
3. ผู้ที่มีดวงชะตาธาตุดินให้คุณ
อาชีพที่ถูกโฉลก คือ ธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ การเกษตร และธุรกิจการรับเหมาก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง ร้านขายของชำ ค้าขายอยู่กับบ้าน อาหารสัตว์ ที่ปรึกษา นักปราชญ์ นายหน้า เหมืองแร่ เพชรพลอย หยก กระเบื้องเคลือบ
4. ผู้ที่มีดวงชะตาธาตุทองให้คุณ
อาชีพที่ถูกโฉลก คือ ธุรกิจเกี่ยวกับเหล็กหรือโลหะ ได้แก่ ร้านขายทอง เพชร พลอย อัญมณี กิจการขายรถยนต์ ช่างกล เครื่องจักร นักการธนาคาร โรงรับจำนำ อุตสาหกรรม งานศิลป์
5. ผู้ที่มีดวงชะตาธาตุน้ำให้คุณ
อาชีพที่ถูกโฉลก คือ ธุรกิจเกี่ยวกับน้ำ เช่น ธุรกิจ บาร์ เบียร์ เหล้า ผับ คาราโอเกะ ไนต์คลับ หรือธรุกิจที่เกี่ยวข้องกับ การเคลื่อนไหว ทั้งทาง บก ทางเรือ ทางอากาศ มัคคุเทศก์ หรือทำอาชีพเกี่ยวกับการติดต่อ วิ่งเต้นไม่อยู่กับที่ นักการฑูต ห้องแช่เย็น ร้านไอศครีม งานชลประทาน งานประมง

       เป็นตัวอย่างที่จะให้เห็นความสำคัญของธาตุทั้ง 5 ซึ่งยังสามารถไปปรับปรับประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในด้านต่างๆรวมถึงเรื่องสุขภาพด้วย ซึ่งเป็นเรื่องของการทำลายล้างของธาตุทั้ง 5
       เมื่อเราสังเกตุว่าอาชีพมีปัญหา สุขภาพร่างกายบกพร่อง คือความหมายของธาตุทั้ง 5 ที่อยู่รอบตัวเราไม่สมดุลกัน จึงต้องมีการปรับแต่งแก้ไข หรือปัดเป่าธาตุที่เข้ามาทำลายสภาพแวดล้อมทางวัตถุและบุคคล