หลักที่ต้อง แหงนหน้าพิเคราะห์ปรากฏการณ์ของดวงดาว ก้มหน้าตรวจสอบลักษณะพื้นภูมินี้ โลกก็เป็นดาวดวงหนึ่ง ทางวิทยาศาสตร์ปฏิเสธไม่ได้ว่า เราอยู่ภายใต้อิทธิพลของสภาพดินฟ้าอากาศ จนกระทั่งมาถึงรายละเอียดเล็กน้อย บ้านเล็ก บ้านสะอาด ก็มีผลทางอารมณ์ อันนี้คือปรากฎการณ์ที่เกี่ยวกับการตัดสินใจ อารมณ์ การหล่อหลอมสภาพแวดล้อมทางวัตถุและบุคคลมาจากสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา
ฮวงจุ้ยมีกำเนิดมาจาก "เรือนหยิน หรือที่เรียกว่า สุสาน" ชาวจีนให้ความสำคัญกับสิ่งที่เรียกว่า "ลงดินคืนสู่ความสงบ ไม่เคลื่อนไหว" พิธีฝังศพต่าง ๆ จึงเน้นที่การฝังดิน ชาวจีนจะพิถีพิถันในเรื่องภูมิประเทศและการล่วงเกินเจ้าที่เจ้าทาง เพราะฉะนั้นก่อนที่จะฝังหรือทำพิธี ต้องมีเซียนภูมิประเทศหรือซินแสฮวงจุ้ยช่วยเลือกสถานที่ที่เหมาะสม เพื่อทำเป็นสุสาน และได้รับการปกปักรักษาจากปราณดิน คือ ที่ดี ดินดี พืชดี คนที่เรารัก จะได้ไปอยู่ในปราณที่ดี ๆ และสามารถปกป้องคุ้มครองลูกหลานให้ร่มเย็นเป็นสุข ทัศนคติของชาวจีนได้ให้ความสำคัญกับการมีชีวิตอยู่มากกว่าความตาย
ดังนั้น ในลักษณะการเลือกภูมิประเทศ จึงไม่ใช่เฉพาะสำหรับที่สงบเท่านั้น ยังต้องส่งผลไปถึงบุคคลที่ยังมีชีวิต ซึ่งมีความสำคัญเท่าเทียมกัน คือต้องมีความสอดคล้องกัน ฮวงซุ้ยอาจจะยิ่งใหญ่ ดูดี แต่ลูกหลานไม่มีกำลังรับก็ยากที่จะเจริญ
การที่ลูกหลานจะรับได้ จะต้องมีฮวงจุ้ยหรือปราณที่สอดคล้องกัน และความประพฤติที่สืบสายเลือด คือ ต้องมีคุณธรรม ทำอะไรที่ถูกกาล ถูกทิศถูกทางทั้งหมด และลักษณะภูมิประเทศที่สอดคล้องระหว่างฮวงซุ้ยสำหรับบรรพชนกับลูกหลานที่ ยังมีชีวิตอยู่ ปราณจะต้องผสมผสานกัน ความเจริญถึงไปสู่กัน สมมุติเราอยู่อย่างดี แต่สุสานบรรพชนไม่ดีเลย แสดงว่าปราณไม่ถึงกันแล้ว หรือว่าเราทำสุสานอย่างใหญ่โต แต่เราไม่เคยได้รับคุณธรรมของพ่อแม่เลย ยังเกียจคร้านเหมือนเดิม บ้านช่องไม่ดูแลเอาใจใส่ ก็ไม่สอดคล้องกันอีก
อย่างไรก็ตาม ทัศนคติอันนี้ ในเรื่องเกี่ยวกับฤดูกาล หรือเส้นแบ่งวันมงคลและวันอัปมงคล ก็คือวิชาสถิติที่รวบรวมมาจากการพิเคราะห์ลักษณะภูมิอากาศในบริเวณลุ่มแม่ น้ำฮวงโห เป็นเวลาหลายร้อยหลายพันปี จนพบว่าอากาศวันนั้น ปีนั้น ดีอย่างไร จากนั้นจึงมากำหนดวัน และเขียนว่าวันนั้นวันนี้ควรจัดงานหรือไม่ควรจัดงาน ซึ่งตรงกันทุกปีจนกลายเป็นที่มาที่ไป อย่างเช่น 60 ปี คือ 1 รอบจะวนมาบรรจบ มังกร 60 ตัว แต่ละปี แต่ละธาตุจะไม่เหมือนกัน สิ่งเหล่านั้นที่ได้กำหนดลงในปฏิทิน คือ สิ่งที่นักปราชญ์ชาวจีนได้กำหนดมาจากการหมุนเวียนของฤดูกาล 4 ฤดู ทิศ ธาตุ ต่าง ๆ เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องเหลวไหล เพียงแต่ว่าในคัมภีร์หรือบันทึกที่เขียนเอาไว้ เป็นสิ่งที่คนทั่วไปมองไม่เห็น เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับปราณที่จับต้องไม่ได้ ชี่ กระแส ความรู้สึก เรื่องเกี่ยวกับจิตศาสตร์ ซึ่งอาจไม่มีเหตุผลอะไรมาวัด แต่เป็นบรรทัดฐาน สิ่งเหล่านี้ระดับการยอมรับจึงค่อนข้างต่ำในโลกวิทยาศาสตร์ คำว่าปราณหรือกระแส เป็นเรื่องที่จะต้องสังเกตถึงจะมองเห็น ต้องมีสมาธิ มีคุณธรรม จิตต้องโปร่งใส ถึงจะเที่ยงธรรม
แต่เมื่อความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ไปอย่างทั่วถึง ถ้าอยากรู้สภาพอากาศเป็นอย่างไร ก็พึ่งอุปกรณ์หรือกรมอุตุนิยมวิทยา และคนส่วนใหญ่ก็ฟังเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ แต่ในทางโหราศาสตร์เกี่ยวกับปราณ เกี่ยวกับชี่ เรามองฟ้า มองเมฆ มองลม ก็สามารถบอกได้ว่าจะมาจากทิศทางไหน หรือมาจากการคำนวณที่บอกว่าดาวจันทร์จะย้ายเข้าสู่ราศีธาตุนั้น จะกระทบกับตรงนี้ พยากรณ์ไว้ล่วงหน้า 2-3 วันว่า ในช่วงนี้จะมีลมแรง อาจมีพายุฝนกระทันหัน มาแบบฝนไล่ช้าง อันนี้เกิดจากปราณ เกิดจากกระแสการหมุนเวียนของดวงดาว หรือแม้กระทั่งการไปดูทางเดินของนก ทางวิทยาศาสตร์อาจกำหนดทฤษฎีว่า นกบินมาจากทิศนั้น มาจากขั้วโลก มาจากเส้นรุ้งแวงตรงนั้น แต่ทางปราณ การจับสังเกต นอกจากจะดูทิศทางลมแล้ว ยังดูความเป็นธรรมชาติด้วยว่า นกตัวใหญ่ตัวเล็กจะบินมาจากทิศไหน เราก็บอกได้เหมือนกัน ปราณที่มองไม่เห็น และจับต้องไม่ได้ ระดับการยอมรับจะค่อนข้างต่ำ ต้องอาศัยการเรียนรู้อย่างมากในศาสตร์โบราณ