บนผืนแผ่นดินโลกของเรานี้ มีบรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน ถ้าจะพูดไปแล้ว สิ่งที่เราสังเกตได้ง่ายที่สุด คือ จากแสงอาทิตย์ ที่ใดเป็นที่ได้รับแสงอาทิตย์มาก ที่นั้นก็จะร้อนมากหน่อย ก่อกำเนิดพลังงาน มีพืชพรรณไม้ มีสายลมพัดผ่าน และหากที่ใดขาดแสงแดด ที่นั้นก็จะเยือกเย็น
พืชที่โดนแดดกับพืชที่อยู่ในร่มก็ยังเป็นที่ยอมรับว่าแตกต่างกัน
พลังงานที่อยู่ใต้พื้นผิวโลกก็ย่อมมีความแตกต่างเช่นเดียวกัน
จากสภาพแวดล้อมบนพื้นโลก ซึ่งสัมพันธ์กับสภาพใต้พื้นผิวโลก ทำให้เกิดความแตกต่างของพื้นดิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน พลังก่อกำเนิด
คำว่า “ที่ที่มีพลังก่อกำเนิด” จะหมายถึง บริเวณที่มีสภาพแวดล้อมอำนวยให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ ทั้งพืชพรรณธัญญาหาร แสงแดด ลม น้ำ ฝน ที่ตกต้องตามฤดูกาล สิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่ก่อกำเนิดอยู่ภายใต้ที่ที่มีพลังแห่งความสมบูรณ์ทั้งภายในและภายนอก หมายถึง สภาพที่แข็งแกร่ง สวยงาม ฟอร์มดีของต้นไม้ สิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ อันได้แก่ สัตว์ที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น ได้แก่ มด แมลง หรือแม้แต่ นก หนู กา หมู หมา ก็จะแสดงถึงความสมบูรณ์ให้เราเห็นได้ หรือแม้แต่ตัวเราเอง หากอยู่ในที่สมบูรณ์ ก็จะมีสุขภาพดี ทั้งกายและใจ อันจะนำไปสู่ความคิดที่สมบูรณ์ และมีพลังในการที่จะเผชิญปัญหาต่อไป ด้วยสติซึ่งมาจากความสมบูรณ์ของสภาพแวดล้อมดังกล่าว
ในแต่ละแห่งอาจมีความพร้อม หรือความสมบูรณ์ของพื้นที่ไม่เท่ากัน อันเป็นผลให้คน สัตว์ สิ่งมีชีวิตต่างๆ นั้น มีความแตกต่างซึ่งกันและกัน เช่น บางแห่งให้ความสมบูรณ์และสมดุลของธรรมชาติ ทำให้คน ๆ นั้นมีจิตใจที่อ่อนโยน มองคนในแง่ดี และอีกบางแห่ง มีสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์ ในด้านความพร้อมที่จะออกมาเผชิญชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพ
ศาสนาหรือปรัชญาในการดำเนินชีวิต จะเป็นเครื่องกำหนดพฤติกรรมว่า จะออกมาในทางสร้างสรรค์ หรือเป็นการทำลาย เป็นการสร้างสมทางด้านจิตใจ ชีวิตและวิญญาณ
เพราะฉะนั้น จึงต้องแยกออกมาเป็นสองนัย คือ สร้างสภาพแวดล้อมให้เหมาะ ให้สมบูรณ์สำหรับตัวเราและครอบครัว เป็นเรื่องของทำเล จากนั้น ต้องใส่ความคิด ต้องอบรมจิตใจให้สมบูรณ์ อันเป็นศิลปะของการดำเนินชีวิตที่งดงาม คือมีทั้งศาสตร์และศิลป์นั่นเอง
ทีนี้ หลักของ ฟ้าประทาน ดินบันดาล ประสานบุคคล ก็จะเข้าเป็นส่วนประกอบในการจัดสรร ทั้งทำเลที่อยู่อาศัยให้สอดคล้องกับดวงชาตาของเรา รวมทั้งมีจังหวะในการดำเนินชีวิตที่ไม่ประมาท และการประสานบุคคลทั้งด้านการปฏิบัติ และประสิทธิภาพในการทำงาน คือ ต้องเกิดจากความสามารถของตนด้วย จะพึ่งอภินิหารไม่ได้
เปรียบเสมือนบุคคลคนๆ หนึ่ง จะทำร้านอาหาร ไม่เคยดูดวง แต่พบว่าตั้งแต่เกิด เรามีความสามารถ รวมทั้งเราได้คลุกคลีกับร้านอาหารมาโดยตลอด เรามีความชำนาญ เรามีความรู้อันลึกซึ้งเกี่ยวกับเรื่องอาหารโดยเฉพาะ อย่างนี้ไม่ต้องดูดวงแล้ว เราต้องมีดวงมาแน่นอนถึงได้ผูกพันขนาดนี้
ขั้นต่อไป สังเกตตัวเองถึงปีที่เราประสพผลสำเร็จ ขายดี ช่วงไหนขายไม่ดี เพราะอะไร แล้วจัดทำเลให้สอดคล้องกับชาตา หรือ จัดสถานที่ให้สอดคล้องกับสถานที่ที่เราเคยประสพผลสำเร็จมา เราต้องมีความสามารถพิเศษ ในวิชาชีพของเรามีอะไรที่โดดเด่นกว่าคนอื่น ทำเลของเราถึงจะมีประสิทธิภาพโดยสมบูรณ์ ซึ่งนอกจากจะดึงดูดลูกค้าแล้ว ประสานบุคคลจะทำให้ลูกค้าติดใจมาอีก และในที่สุด ปากต่อปากจะทำให้ร้านอาหารของเรามีชื่อเสียงไปเอง
ถ้าหากพอมีดวง ทำเลก็ดี มีคนเข้า แต่ด้วยกรรม ทำให้เราบริการไม่ถึง ไม่ใช้อิทธิบาท ๔ ในการจัดการร้านให้ดี คนที่มาเพราะทำเลดี ก็ไม่ติดใจ ในที่สุดก็ค่อย ๆ เสื่อมลง
ทำเลดี คือ สภาพแวดล้อมที่ดี ทั้งวัตถุและบุคคล ซึ่งเกิดจากพลังแวดล้อมที่กล่าวมาข้างต้น แล้วเราเลือกที่ที่มีพลัง และตรงกับดวงชาตา ประกอบกับความมีคุณธรรมของคนในอันที่จะสร้างมิตร สร้างเครดิต คนดีจะมีพลังดึงดูดในสิ่งที่ดี อันนี้ คือ มีศาสนาประจำใจ แถมเป็นคนมีพลังในตัวเอง สามารถดำเนินงานและจัดการกับสิ่งต่างๆ ที่พลังสมบูรณ์ของสภาพแวดล้อมดึงเข้ามาหาเรา บวกกับพลังของจิตใจที่ดีงามดึงดูดสิ่งดี ๆ เข้าหาตัว
อย่างนี้เขาเรียกว่า “มังกรก่อกำเนิด” ทำอะไรก็สำเร็จหมด
ทีนี้ ถ้าเราให้ซินแสมาดูทำเล สร้างพลังให้กับพื้นที่ จัดสภาพแวดล้อมที่ดี สมบูรณ์มาก เผอิญไม่สอดคล้องกับดวงชาตาของเรา ก็เปรียบเสมือนโยนลูกบอลมาหาเรา แต่เราหันหลังให้ คือรับโชคอันนี้ไม่ได้ เพราะไม่ใช่ของเรา
พื้นที่หรือทำเลที่ดี จึงต้องสอดคล้องกับเจ้าชาตาด้วย