ถ้าเราผิดศีลข้อสอง ทำให้ทรัพย์สินคนอื่นเสียหายด้วยวิธีต่างๆ เช่น โกง หลอกลวงเขา เป็นต้น เราก็ต้องมีภัยจากสิ่งเหล่านี้ คนที่เข้ามาหาเราจะได้รับพลังดึงดูดตามพื้นที่ที่ทำไว้ดีแล้ว บวกพลังร้ายในตัวเรา สิ่งที่เราได้มาจึงต้องเป็นสิ่งร้ายๆ เพราะพลังมันมาเร็วมาก เนื่องจากทำเลมีอำนาจ
ในทำนองเดียวกัน ถ้าผิดศีลข้อสาม เราก็จะมีเรื่องปวดหัว เรื่องคลาดเคลื่อน การผลัดวัน การทรยศหักหลังจากหุ้นส่วน ยิ่งทำเลดีเท่าไหร่ ก็ยิ่งดึงดูดมาหาเราเร็วเท่านั้น เพราะพลังร้ายในตัวเรามีส่วนในการดึงดูดนี้ด้วย
ถ้าเราสาหัสสากรรจ์ในการผิดศีลข้อสี่ เราก็จะเป็นบุคคลที่มักต้องมีเหตุให้เสียเครดิต มีปัญหาเรื่องลูกน้องบริวารไม่มีที่สิ้นสุด และมักถูกหลอกลวง ยิ่งทำทำเลไปแล้วยิ่งปรากฏชัดถึงบาปกรรมของเรา
เรามักดื่มเหล้าเป็นอาจิณ พอจัดทำเลเสร็จ มักถูกภาพลวงตามาหลอกล่อ อันเป็นเหตุให้เสียเงินทอง หาคนจริงใจยาก และมักประสบอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันเพราะความขาดสติ หรือเจอเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องเสียทรัพย์ เพราะความเผอเรอขาดสติ ยิ่งทำทำเลสมบูรณ์เท่าไหร่ อาการขาดสติและผลเสียหายจะต้องเกิดเพราะการขาดสติมากขึ้น
นี่เพียงคุณธรรมของศีล ๕ เท่านั้น ถ้ามีบาปกรรมจากกาย วาจา ใจ เราก็จะดึงดูดสิ่งเหล่านี้เข้าหาตัวเช่นเดียวกัน
ถ้าเราเป็นมังกรดี ไปอยู่ในที่สมบูรณ์ มีพลัง เท่ากับเป็นมังกรที่สมบูรณ์ เพราะจะดึงดูดสิ่งที่ดีมาหาตัวเป็นทวีคูณ
จึงอยากจะบอกว่า ในการจัดทำเลนั้น ทุกคนได้ไม่เท่ากัน นอกจากจะเกี่ยวพันเรื่องวาสนา ดวงชาตาแล้ว ยังเกี่ยวพันกับสภาพจิตใจของเราในขณะนั้นด้วย
ผลของการจัดทำเลในแต่ละคนจึงไม่เท่ากัน
มีคำกล่าวว่า ผู้มีวาสนาจะได้ทำเลที่สมบูรณ์ ต้องกล่าวใหม่ว่า ผู้ที่ทรงคุณธรรมความดี จึงจะมีทำเลที่สมบูรณ์
นอกจากเรื่องคุณธรรมส่วนตัวแล้ว การประสานบุคคล ได้แก่ การจัดการนั้น ตัวเราตัองมีอำนาจ จากทำเลที่นั่ง ที่นอน ที่อยู่ ที่กิน เป็นประจำ และจะต้องมีสติปัญญา คือ มีพรสวรรค์ของความขยัน ของไหวพริบปฏิภาณ มีศิลป์ในการจัดการด้วย หากไม่มีหัวทางนี้เลยและยังไม่ขยันขันแข็ง ต่อให้ทำเลดี เป็นคนดีที่ประเสริฐ แต่ขาดพรสวรรค์ในการจัดการ ก็เปล่าประโยชน์เช่นกัน
ที่กล่าวมาแล้วทั้งหมดข้างต้น เป็นความสมเหตุสมผลของศาสตร์ว่าด้วยภูมิพยากรณ์ ไม่ว่าสายไหน สำนักใด ล้วนแล้วแต่มีพื้นฐานมาจากสิ่งเดียวกัน เพียงแต่วิธีการที่เกี่ยวกับทำเลอาจแตกต่างกัน